- ลงนาม MoU พร้อมเดินหน้าตั้งบริษัทร่วมทุนลุยธุรกิจขนส่งใน สปป. ลาว
- ทุกฝ่ายได้ประโยชน์จากการร่วมทุนครั้งนี้
บมจ. เกียรติธนา ขนส่ง หรือ KIAT ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับ บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) เพื่อรับงานขนส่งเชื้อเพลิงขยะมูลฝอย (RDF – Refuse Derived Fuel) ด้วยรถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (eTruck) จาก Vientiane Waste Management Company Limited (VWM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ UAC ในนครลวงเวียงจันทร์
นางสาวมินตรา มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ KIAT เปิดเผยว่าทั้ง KIAT และ UAC มีพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง KIAT และ UAC ที่ประเทศ สปป.ลาว โดย KIAT จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 70 และ UAC จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 คาดว่าจะสามารถจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนได้เสร็จภายในไตรมารต 4 นี้
“การดำเนินธุรกิจขนส่งใน สปป. ลาว ครั้งนี้ ถือเป็นการพัฒนาธุรกิจครั้งสำคัญของ KIAT ใน สปป. ลาว และเรามีความเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์ธุรกิจขนส่งมากกว่า 30 ปี จะสามารถพัฒนาธุรกิจในต่างแดนให้เติบโตได้อย่างแข็งแรงเพราะเรามีพันธมิตรร่วมทุนที่แข็งแรงและเริ่มต้นด้วยการรับงานที่แน่นอนและชัดเจน” นางสาวมินตรา กล่าว
นางสาวมินตรา กล่าวว่าแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจใน สปป. ลาว ขณะนี้ยังไม่เติบโตเท่าที่ควร แต่บริษัทร่วมทุนจะรับงานขนส่ง RDF จาก VWM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ UAC เอง ซึ่งบริหารโครงการจัดการขยะเพื่อผลิตพลังงานทดแทนและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ โดยบริษัทร่วมทุนจะดำเนินการขน RDF จากโรงงานจัดการขยะไปยังโรงงานปูนซิเมนต์ SCG คำม่วน ซึ่งเป็นโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ในเครือ SCG
“แม้ว่าเศรษฐกิจของ สปป. ลาว ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ธุรกิ RDF เป็นเชื้อเพลิงที่มีความต้องการสูงใน สปป. ลาว และมีลูกค้าที่ชัดเจน และที่สำคัญ เราใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐในการทำธุรกิจที่ สปป. ลาว” นางสาวมินตรา กล่าว
ทางด้านนายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ UAC กล่าวว่าการเริ่มต้นด้วยการรับงานจาก VWM ด้วยรถบรรทุกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือ eTruck จำนวน 10 คันเพื่อขน RDF จำนวน 4,500 ตันต่อเดือน ถือเป็นการตอบโจทย์ของทุกฝ่ายที่กำลังขับเคลื่อนในเรื่องการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน (Sustainability) โดย UAC เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียน ในขณะที่ KIAT เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารกิจการขนส่ง และที่สำคัญบริษัทร่วมทุนนี้มีแผนงานในการขยายธุรกิจใน สปป. ลาว โดยจะขยายเครือข่ายธุรกิจขนส่งให้แก่บริษัทอื่น ๆ ใน สปป. ลาว ด้วย
“ที่เราต้องการใช้ eTruck ก็เพราะเราต้องการใช้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานไฟฟ้าใน สปป. ลาวที่มีราคาต่ำกว่าไทย อีกทั้งเราเองรวมถึงลูกค้าของเรา มีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานสะอาดเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของโลกธุรกิจยุคใหม่” นายชัชพล กล่าว
นางสาวมินตรา กล่าวว่าการจัดหารถ eTruck จำนวน 10 คัน จะเร่งดำเนินการภายหลังการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนสำเร็จ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาสเป็ครถที่เหมาะสม “เกียรติธนาในฐานะผู้นำด้านโลจิสติกส์ เราไม่ได้ละเลยที่จะศึกษาทางเลือกด้านพลังงานทุกทางเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการบริหารต้นทุนขนส่งที่ดีที่สุดและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุดที่สุด ดังนั้น eTruck จึงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเรา เรามีการศึกษามาอย่างต่อเนื่องและการบริหารกองรถ eTruck จำนวน 10 คันที่ สปป. ลาวนี้ ผมถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี คุ้มค่ากับเรามาก และหากประสบความสำเร็จ เราจะสามารถนำแนวทางนี้มาทดลองใช้กับลูกค้าของเราในอนาคตที่ประเทศไทยได้ด้วย”
นายชัชพล กล่าวเพิ่มเติมว่าบริษัทร่วมทุนนี้ ถือเป็นการนำจุดแข็งของทั้ง UAC และ KIAT มาผนึกร่วมกันโดย UAC มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียน และมีเครือข่ายลูกค้าที่ สปป. ลาว ในขณะที่ KIAT มีประสบการณ์ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ยาวนานกว่า 30 ปี อีกทั้งโอกาสทางธุรกิจใน สปป. ลาว ยังมีอีกมาก ซึ่งบริษัทร่วมทุนนี้จะสามารถรองรับกับความต้องการด้านโลจิสติกส์ใน สปป. ลาว ในอนาคต