วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกAuto NewsEVT เร่งเพิ่มพันธมิตร รองรับนโยบายภาครัฐในการเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ

EVT เร่งเพิ่มพันธมิตร รองรับนโยบายภาครัฐในการเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ

-

  • เล็งเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไม่น้อยกว่า 50%
  • พร้อมขยายลงทุนในชิ้นส่วนภาคบังคับสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า

บริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ EVT ซึ่งเป็นผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายรถโดยสารขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้ารายแรกในประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 30 ปี เดินหน้ารุกเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศเพื่อรับกับนโยบายภาครัฐในการเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศหรือ Local Content 

นายกฤศ โกษานันตชัย กรรมการผู้จัดการ EVT ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้า 100% แห่งแรกในประเทศไทย  ภายใต้ยี่ห้อ “EVT” เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีนโยบายเร่งหาพันธมิตรผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม  ทดแทนการนำเข้าเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศให้เพิ่มขึ้นตามนโยบายรัฐบาลพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

“เราถือเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายแรกของประเทศไทยเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา เราออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณมาอย่างต่อเนื่องภายใต้แบรนด์ EVT แต่สิ่งที่เราเล็งเห็นความสำคัญคือการพัฒนาคุณภาพชิ้นส่วนในประเทศร่วมกับพันธมิตรของ EVT มาตลอด 30 ปี โดยเฉพาะช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าพัฒนาภาคการผลิตเพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับภูมิภาคนี้ ทำให้รัฐบาลได้ออกนโยบายด้านภาษีเพื่อสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV 3.0 และ EV 3.5 ทำให้ภาคการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าเริ่มเห็นศักยภาพของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า” นายกฤศ กล่าว

จากสถิติการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าเมื่อปี พ.ศ. 2566 มียอดจดทะเบียนของยานยนต์ไฟฟ้าทั้งสิ้น 76,539 คันเพิ่มขึ้น 695.9% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดจดทะเบียนในปี พ.ศ. 2565 ที่มียอดจดทะเบียน 9,619 คัน และรถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 –  2566 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 2,697 คัน ซึ่งในปัจจุบันยอดขายยานยนต์ไฟฟ้ายังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด 

“จากสถิติที่เราเห็นมาตลอด 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เรามั่นใจว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้ว ด้วยสภาพตลาดที่กำลังเติบโตเช่นนี้ อีกทั้งค่ายรถยนต์ต่างก็เร่งเข้ามาขยายการลงทุนสร้างโรงงานในประเทศไทย ทำให้ความต้องการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เราเล็งเห็นสถานการณ์นี้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าโดยตรง EVT เองก็ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตครั้งนี้ด้วยเพราะผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศได้เพิ่มการลงทุนในการผลิตชิ้นส่วนเพื่อป้อนให้กับโรงงานประกอบยานยนต์ไฟฟ้า เราจึงเห็นว่านี่เป็นโอกาสของ EVT ที่จะเร่งขยายการลงทุนเพื่อผลิตชิ้นส่วนเพิ่มขึ้นเพื่อป้อนให้กับตลาดยานยนต์ไฟฟ้า ในทางคู่ขนาน เราก็เห็นโอกาสในการหาพันธมิตรผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศเพิ่มขึ้นด้วยเพราะพันธมิตรเหล่านี้ ได้เพิ่มการลงทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพและปริมาณชิ้นส่วนในประเทศ” นายกฤศ กล่าว

นายกฤศ กล่าวว่าที่ผ่านมา EVT พบปัญหาในการหาชิ้นส่วนในประเทศอย่างมากเพราะตลาดยานยนต์ไฟฟ้ายังใหม่มากสำหรับประเทศไทยในขณะนั้น ทำให้ EVT จำเป็นต้องนำเข้าชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อนำมาประกอบยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ EVT แต่ด้วยนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้ EVT กำหนดนโยบายเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศจากปัจจุบันที่ใช้อยู่ โดยมีเป้าไม่น้อยกว่า 50% ในเร็ว ๆ นี้

ขณะเดียวกัน EVT ได้เร่งศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนชิ้นส่วนที่สำคัญสำหรับภาคการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้แก่แบตเตอร์รี่ มอเตอร์ เป็นต้น “เราสนใจที่จะลงทุนเพิ่มเติมควบคู่กับการเร่งหาพันธมิตรเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่เรามีอยู่หลายราย ทั้งนี้เพราะเรามีประสบการณ์อย่างยาวนานในตลาดนี้ อีกทั้งตลาดยังมีความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าอีกมากเพราะกระแสการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้ภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจไทยไม่อาจละเลยถึงกระแสนี้ไปได้” นายกฤศ กล่าว

ปัจจุบัน EVT คือผู้ออกแบบและผลิตรถโดยสารที่มีคุณลักษณะเฉพาะตามความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเป็นผู้ให้บริการการเดินรถครบวงจร ซึ่งเริ่มตั้งแต่การนำเสนอรถโดยสารขนาดต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการใช้งานของลูกค้า ให้บริการดูแลและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าตลอดโครงการ รวมไปถึงการผลิตรถโดยสารตามจำนวนที่ลูกค้าต้องการนำไปใช้งาน อีกทั้งยังให้บริการพนักงานขับรถพร้อมพนักงานบริการในรถโดยสาร การสร้างสถานีชาร์จรถตามจุดที่ลูกค้าต้องการ รวมไปถึงการพัฒนา Application ที่เชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างผู้โดยสารในองค์กรกับระบบการเดินรถเพื่อตรวจสอบตำแหน่งของรถแบบ Real Time บนมือถือ

- Advertisment -

Must Read