S-Class เหนึ่งในยนตรกรรมระดับเรือธงจาก Mercedes-Benz ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วทุกมุมโลก การันตีทั้งความหรูหรา ความสะดวกสบาย และสมรรถนะที่สมบูรณ์แบบที่สุดจนกลายเป็น 1 ในรถยนต์ในฝันของเหล่าสุภาพสตรี ซึ่งในเวลานี้ก็ได้ทำการเปิดตัวเจนเนอเรชั่นที่ 7 อย่างเป็นทางการ ที่มาพร้อมกับความหรูและล้ำสมัยยิ่งขึ้นอีกระดับ ถูกใจคนรุ่นใหม่ไม่น้อยทีเดียว
ภายนอกยังคงถ่ายทอดความเรียบง่ายที่แฝงด้วยความหรูหราและความโดดเด่น ด้วยตราดาวสามแฉกบนฝากระโปรงหน้า โดยตัวรถมีการเปลี่ยนแปลงโคมไฟหน้าแบบใหม่, กระจังหน้าใหม่, ไฟท้ายใหม่, ชุดท่อไอเสียแยกซ้ายขวา, หลังคาพาโนรามิครูฟขนาดใหญ่ รวมถึงเซ็นเซอร์ช่วยเหลือการขับขี่รอบคัน
เมื่อเปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสาร สิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือบรรยากาศสุดหรูที่เหมือนอยู่บนเรือยอร์ช หรือเลาจน์ ด้วยการออกแบบและวัสดุที่หรูหราเหนือระดับ ที่ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุตกแต่งภายในได้อย่างหลากหลาย อาทิ ไม้วีเนียร์พร้อมแถบอะลูมิเนียม, วัสดุสีดำเงา, คาร์บอนไฟเบอร์ เป็นต้น ไปจนถึงวัสดุหนัง
และสาว ๆ ยังได้สัมผัสความล้ำสมัยด้วยจอดิจิตอล ที่รวมมากถึง 5 จอด้วยกัน ได้แก่ จอมาตรวัด 12.3 นิ้ว ที่มาพร้อมโหมด 3 มิติแบบใหม่ทำงานด้วยกล้อง 2 ตัว ที่กำหนดตำแหน่งสายตาของผู้ใช้อย่างแม่นยำเพื่อสร้างภาพ 3 มิติ โดยไม่ต้องสวมแว่นเพิ่มเติม, จอสัมผัส OLED แนวตั้งขนาด 12.8 นิ้ว, จอส่วนตัวด้านหลังคู่ขนาด 11.6 นิ้ว และแท็บเล็ตตรงกลาง ทั้งหมดนี้จะทำงานร่วมกับระบบ MBUX เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด และรองรับสั่งการผ่านเสียง เพียงแค่กล่าวว่า “Hey Mercedes”
นอกจากนี้ยังได้นำเสนอระบบขับขี่อัตโนมัติที่ได้รับการพัฒนาให้รองรับการทำงานในระดับ “เลเวล 3” ด้วย Daimler’s Drive Pilot ใช้ Lidar ผสานกับเซ็นเซอร์รอบคันและแผนที่ดิจิตอลความละเอียดสูง ประกอบกับหากผู้ขับขี่รู้สึกเหนื่อยล้า ก็จะมีฟังก์ชั่นสับโหมดขับขี่จากขับรถปกติ เป็นโหมดขับขี้อัตโนมัติ แม้จะยังไม่เผยขอบเขตการทำงานในเวลานี้ นอกเหนือจากสามารถใช้งานได้ด้วยความเร็วสูงสุด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามกฎหมายของเยอรมนี แต่ทางบริษัทเปิดเผยว่าในช่วงปลายปี 2021 จะถูกอัพเดทให้สามารถทำงานได้หลากหลายในทุกสภาวะถนนมากขึ้น
ระบบ Energizing Comfort, Energizing Coach ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าและระดับความเครียดของผู้ขับขี่-ผู้โดยสาร กับ Energizing Air Control ระบบปรับอากาศและกรองอากาศเพื่อป้องกันฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ให้ห้องโดยสารมีอากาศบริสุทธิ์มากที่สุด สดชื่นตลอดการเดินทาง
อีกลูกเล่นของ S-Class ก็คือระบบส่องสว่างภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light ได้มีการเพิ่มจำนวนหลอด LED จากเดิม 40 ดวง เป็นประมาณ 250 ดวง ที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้กับภายในแล้ว ยังรองรับการทำงานร่วมกับระบบความปลอดภัยเพื่อแจ้งเตือนความเสี่ยงจากภายนอก ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เช่น ระบบ Active Blind Sport Assist ทำงาน แสงไฟสีแดงจะสว่างขึ้นในตำแหน่งจุดบอดนั้น ๆ พร้อมการแจ้งเตือนผ่านจอดิจิตอลด้วย
S-Class เจนเนอเรชั่นที่ 7 จะมีขุมพลังที่หลากหลายนอกเหนือจากเครื่องยนต์เบนซินกับดีเซล ตั้งแต่ 6 ถึง 8 สูบ โดยจะมีขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด และไฮบริดที่พ่วงระบบ Mild-Hybrid สำหรับรุ่นย่อยจะมีให้เลือกทั้ง S450, S500, S350d, S350d 4Matic, S400d 4Matic, S580e รวมถึง S580 4Matic เป็นต้น
โดยเฉพาะรุ่นที่แรงที่สุด S580 4Matic สเปคอเมริกา ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ พร้อมพ่วง mild-hybrid 48 โวลต์ สมรรถนะ 496 แรงม้า เลยทีเดียว
E-Active Body Control Suspension เป็นระบบกันสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาใหม่เป็นพิเศษ ประกอบด้วยโช้คอัพถุงลมพร้อมแดมเปอร์ที่ปรับระดับได้แบบเรียลไทม์ ผสานการทำงานด้วยโปรเซสเซอร์แบบมัลติคอร์ 5 ตัว , กล้อง และเซ็นเซอร์จำนวน 20 ตัว ที่จะช่วยเก็บข้อมูลสภาพถนนและรูปแบบการขับขี่ด้วยความถี่ 1,000 ครั้ง/วินาที เพื่อลดการสั่นสะเทือน ช่วยยกความสูงใต้ท้องรถสูงต่ำได้อัตโนมัติ และให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ยิ่งขึ้น
ตัวรถได้ทำกาปรับองศาการเลี้ยวเฉพาะล้อหลังที่มีตั้งแต่เพิ่มถึง 4.5 องศา จนถึง 10 องศา และมีองศาการเลี้ยวเพียง 10.5 เมตร เพื่อมอบความคล่องตัวในการขับขี่ไม่แพ้ A-Class ที่มีขนาดเล็กกว่า
สำหรับวันวางจำหน่ายและราคาของ All-New Mercedes-Benz S-Class เจนเนอเรชั่นที่ 7 นี้ จะได้รับการอัพเดทเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ แต่ทางด้านสเปคอเมริกานั้น จะวางจำหน่ายในไตรมาสแรกของปี 2021 เป็นต้นไป ส่วนสาว ๆ ชาวไทยอาจจะได้ลุ้นการมาของเจ้าชายเอสคลาสจากโลกอนาคตในราว ๆ ปีหน้าเป็นต้นไป
