วันพุธ, มิถุนายน 11, 2025
spot_img
หน้าแรกAuto Newsครบหนึ่งทศวรรษแห่งพันธกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม! ลัมโบร์กินี ฉลองครบรอบ 10 ปี บนเส้นทางสู่ Carbon Neutrality ของโรงงานซัง'อกาตา โบโลนเญส

ครบหนึ่งทศวรรษแห่งพันธกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม! ลัมโบร์กินี ฉลองครบรอบ 10 ปี บนเส้นทางสู่ Carbon Neutrality ของโรงงานซัง’อกาตา โบโลนเญส

-

เปิดเส้นทางแห่งวิวัฒนาการอุตสาหกรรมและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

จากระบบโซลาร์เซลล์รุ่นแรก สู่รายงานความยั่งยืนฉบับแรกของบริษัท

Sant’Agata Bolognese 5 มิถุนายน 2025 – ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) ฉลองครบรอบ 10 ปีของการเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) แบบสะสมของโรงงานผลิตเมืองซัง’อกาตา โบโลนเญสในปีนี้ ซึ่งแผนการดำเนินงานเพื่อผ่านการรับรองนี้ถือเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากทุกภาคส่วนในองค์กร และทำให้โรงงานผลิตแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์การผลิตแห่งแรกในเครือ Audi Group ที่ผ่านการรับรอง และยังเป็นแห่งแรกของโลกที่ได้รับการรับรอง DNV 

มร.สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าวว่า “เราได้ตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางที่ท้าทายนี้เมื่อ 10 ปีก่อน เพื่อเปลี่ยน ‘ความยั่งยืน’ ให้กลายเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัทในอนคต และวันนี้คือวันแห่งการเฉลิมฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ และเหนือสิ่งอื่นใด ถือเป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจของเราในการมุ่งมั่นพัฒนาที่ต่อเนื่อง สามารถวัดผลได้ และสอดคล้องกับคุณค่าของแบรนด์อย่างแท้จริง”

ความเป็นกลางทางคาร์บอนแบบสะสม (On-balance) หมายถึงการที่บริษัทสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้มากที่สุดตามมาตรการที่วางไว้ และทำการชดเชยในส่วนตกค้างและส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ผ่านโครงการลดคาร์บอนต่าง ๆ เพื่อให้ค่าสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งในกรณีของลัมโบร์กินีนั้น โรงงานผลิตเมืองซัง’อกาตา โบโลนเญส สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ผ่านการดำเนินการเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนโดยตรง ควบคู่ไปกับการชดเชย ผ่านโครงการที่ดำเนินการทั่วโลก ทั้งนี้ ไม่นับรวมการปล่อยคาร์บอนจากการใช้งานรถยนต์

เส้นทางเพื่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเริ่มต้นขึ้นจากการรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตเมืองซัง’อกาตา โบโลนเญส ในปี พ.ศ. 2558 ได้รับการสานต่อตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการนำมาตรการด้านประสิทธิภาพพลังงานและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ควบคู่ไปกับการชดเชยการปล่อยมลพิษที่เหลืออยู่ซึ่งเป็นส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แนวทางแบบบูรณาการลด ก่อน ชดเชย

สำหรับออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี ความเป็นกลางทางคาร์บอนไม่ใช่แค่การชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตเท่านั้น แต่เริ่มจากการสร้างกลยุทธ์ที่เป็นระบบในการเฝ้าระวังและลดการปล่อยคาร์บอนอย่างรัดกุม

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากโรงงานผลิตได้ถึง 49% เมื่อเปรียบเทียบกับปี พ.ศ. 2557 แม้ว่าขนาดของบริษัทจะใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าก็ตาม โดยใช้กระบวนการ เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการดำเนินงานด้านประสิทธิภาพพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม หนึ่งในการดำเนินงานครั้งสำคัญคือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในปี พ.ศ. 2553 ซึ่งต่อมาขยายจนครอบคลุมพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร และสามารถผลิตพลังงานมากกว่า 2 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปีให้แก่โครงข่ายไฟฟ้า และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 800 ตันต่อปี และในวันนี้ บริษัทฯ กำลังวางแผนขยายระบบโซลาร์เซลล์เพิ่มเติมในพื้นที่คลังสินค้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลดคาร์บอน และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2568 โดยจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้อีก 2.89 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีก 1,200 ตันต่อปี เสริมสร้างการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานของโรงงานให้เข้มแข็งมากขึ้น

แม้แต่การออกแบบอาคารของบริษัทก็ได้นำเอาแนวคิดนี้มาใช้แบบบูรณาการ โดยสำนักงานใหญ่ Torre 1963 ซึ่งเปิดตัวในปี พ.ศ. 2560 ได้รับมาตรฐาน LEED Platinum ด้วยคะแนนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศอิตาลีที่ 92/100

ในอีกด้านหนึ่ง สำหรับการใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ บริษัทฯ ได้ติดตั้งระบบผลิตพลังงานแบบไตรเจนเนอเรชันในปี พ.ศ. 2558 และ 2560 ซึ่งสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน และพลังงานความเย็นได้ในกระบวนการเดียว ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1,000 ตันต่อปี ลัมโบร์กินียังเป็นผู้ผลิตยานยนต์รายแรกในปะเทศอิตาลี ที่ใช้ระบบทำความร้อนจากก๊าซชีวภาพเมื่อปี พ.ศ. 2558 สามารถผลิตพลังงานความร้อนได้ 3,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีก 500 ตัน

และในปี พ.ศ.2565 บริษัทฯ ยังได้จัดตั้งคณะทำงานด้านประสิทธิภาพพลังงาน (Energy Efficiency Task Force) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในขอบเขตงานที่ใช้พลังงานสูง พร้อมยกระดับประสิทธิภาพโดยรวมของโรงงานผลิตอย่างต่อเนื่อง

รานิเอรี นิคโคลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการผลิต ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าวว่า “โรงงานแห่งนี้คือเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าความเป็นเลิศด้านการผลิตและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสามารถเดินทางควบคู่ไปด้วยกันได้ ทุก ๆ การดำเนินงานของเราสะท้อนถึงวิสัยทัศน์แบบองค์รวมที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ นวัตกรรม และความยั่งยืนเป็นหัวใจหลัก”

ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี ยังได้นำระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงานตามมาตรฐานสากล ISO 14001:2015 และ ISO 50001:2018 มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน EMAS (Eco-Management and Audit Scheme) ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2552 และมีการตรวจวัดการปล่อยคาร์บอนตามมาตรฐาน ISO 14064-1:2018 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสื่อสารอย่างโปร่งใสและควบคุมผลกระทบอย่างเคร่งครัดของบริษัทฯ

แนวทางการลดคาร์บอนจึงถูกต่อยอดสู่ทุกขอบเขตการทำงานที่มีการปล่อยคาร์บอน (Scope 1, 2 และ 3) ตลอดทั้งห่วงโซ่มูลค่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าสู่อนาคตด้วยการกำหนดกลยุทธ์ในแผน “Direzione Cor Tauri” โดยมีเป้าหมายเพื่อการสร้างสมดุลระหว่างความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

การปล่อยคาร์บอนของโรงงานผลิตและโครงการชดเชยในขอบเขตงาน

ในปี พ.ศ. 2567 ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงงานผลิต (Scope 1 และ 2) อยู่ที่ 29,849 ตัน ซึ่งลัมโบร์กินีตั้งเป้าหมายที่จะลดลงให้มากที่สุด โดยส่วนที่ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้จะถูกชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิตที่ผ่านการรับรอง 

ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี เริ่มต้นเส้นทางนี้ในปี พ.ศ. 2558 ด้วยการลงทุนในโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวกในระดับท้องถิ่น โดยเป็นโครงการที่สามารถสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสำหรับชุมชนที่เกี่ยวข้อง เช่น แผนส่งเสริมการใช้จักรยานในเมืองโบโลญญา และโครงการดักจับคาร์บอนในบริเวณลากูน่าของเวนิส ซึ่งใช้ระบบกรองธรรมชาติจากพืชและความเค็มของน้ำทะเลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อดูดซับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ

นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 ลัมโบร์กินีได้คัดเลือกเฉพาะคาร์บอนเครดิตที่ผ่านการรับรองขั้นสูงสุดในระดับสากล เช่น Gold Standard และ Verra ซึ่งให้ความสำคัญกับโครงการผลิตพลังงานหมุนเวียน และสอดคล้องกับค่านิยมของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรมและมีความโปร่งใสอย่างแท้จริง

รายงานความยั่งยืนฉบับแรกกำลังจะเกิดขึ้น

ปี พ.ศ. 2568 ไม่เพียงเป็นวาระครบรอบ 10 ปีบนเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของโรงงานซัง’อกาตา โบโลนเญสเท่านั้น หากยังเป็นจุดเริ่มต้นของกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี โดยจะมีการจัดทำรายงานความยั่งยืน (Sustainability Report) ฉบับแรกในประวิติศาสตร์บริษัทฯ

รายงานฉบับนี้ไม่ใช่แค่เอกสารเปิดเผยข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือเพื่อการกำกับดูแลที่ออกแบบมาเพื่อนำเสนอผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แผนงานที่กำลังดำเนินการ และเป้าหมายในอนาคต อย่างเป็นระบบและโปร่งใส รายงานนี้ยังช่วยให้หน่วยงานสามารถรวบรวมการติดตามผลการปฏิบัติงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลภายในองค์กร และในขณะเดียวกัน ก็ช่วยยกระดับการสื่อสารกับผู้ถือประโยชน์ทุกฝ่ายอีกด้วย

นับตั้งแต่แนวทางการลดคาร์บอน ไปสู่การดูแลสุขภาวะของบุคลากร ตั้งแต่การบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ไปจนถึงการมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รายงานฉบับนี้จะเชื่อมโยงความมุ่งมั่นของลัมโบร์กินีไปสู่การเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบและความยั่งยืนอย่างแท้จริงในทุกมิติของการดำเนินงาน

ดาวน์โหลดรูปภาพและวิดีโอที่ media.lamborghini.com   

ดูรายละเอียดของออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี ได้ที่ www.lamborghini.com 

- Advertisment -

Must Read