วันอังคาร, ตุลาคม 8, 2024
spot_img
หน้าแรกAuto Newsฟอร์ดเผย 6 เคล็ดลับประหยัดน้ำมัน เดินทางได้อย่างเบาใจ-สบายกระเป๋า

ฟอร์ดเผย 6 เคล็ดลับประหยัดน้ำมัน เดินทางได้อย่างเบาใจ-สบายกระเป๋า

-

เชื่อว่าใครหลายคนกำลังวางแผนเดินทางช่วงวันหยุดยาวนี้ และกำลังคิดคำนวนถึงวิธีการขับขี่อย่างไรเพื่อให้ประหยัดน้ำมันมากที่สุด ฟอร์ดขอแนะนำเคล็ดลับการขับขี่ที่ประหยัดทั้งน้ำมันและเงินในกระเป๋า เพื่อประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการขับรถในเมืองหรือนอกเมือง

ขับขี่อย่างรอบคอบ

การเร่งเครื่องแรงเกินไปและเบรกกะทันหันทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักและส่งผลต่อการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมาก ผู้ขับขี่ควรสังเกตสภาพถนนและการจราจรรอบตัว รวมถึงเตรียมความพร้อมในการตอบสนองสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นบนถนนล่วงหน้า เพื่อให้สามารถค่อยๆ เร่งเครื่อง ปล่อยคันเร่งได้เร็ว และเบรกได้อย่างนิ่มนวล ยิ่งขับอย่างนุ่มนวลได้มากเท่าไร เครื่องยนต์จะยิ่งใช้เชื้อเพลิงได้มีประสิทธิภาพมากเท่านั้น

ผู้ขับขี่บางคนยังมีความเชื่อผิดๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ว่า ควรเข้าเกียร์ว่างเมื่อลงเนินเพื่อประหยัดน้ำมัน หากคุณต้องการประหยัดน้ำมันให้ได้มากที่สุดและปลอดภัย ควรเปลี่ยนโหมดการขับขี่มาใช้โหมดประหยัด (Eco) แทน ซึ่งจะช่วยปรับการอัตราเร่งเครื่องและอัตราทดเกียร์ รวมถึงใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฟอร์ดยังแนะนำการใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ  ที่ช่วยให้อย่างขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายและยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย ซึ่งทั้งฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ  Stop & Go ที่ช่วยควบคุมการเร่งเครื่อง เบรก และเกียร์เพื่อให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายขึ้นให้กับผู้ใช้รถ

หมั่นตรวจเช็กสภาพตามกำหนด

เจ้าของรถควรนำรถเข้าตรวจเช็กสภาพให้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ โดยพนักงานที่ศูนย์บริการฟอร์ดจะตรวจสภาพรถของคุณอย่างละเอียดทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของรถจะได้รับบริการต่างๆ ตรงตามระยะเวลา ตั้งแต่การเปลี่ยนอะไหล่ หรือตั้งศูนย์ถ่วงล้อทุกปี หรือทุกๆ 10,000 กม. ซึ่งหากปล่อยให้ล้อรถไม่ขนานกัน นอกจากจะเป็นอันตรายแล้วยังอาจทำให้รถทำงานหนักขึ้นและใช้น้ำมันมากขึ้นด้วย ฟอร์ดมีบริการต่างๆ มากมายที่ลูกค้านัดหมายล่วงหน้าได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ฟอร์ดหรือแอปพลิเคชัน FordPass อย่างบริการรับประกันเช็กระยะใน 60 นาที (60-minute Express Service) ที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ พร้อมทั้งมีระบบจองออนไลน์ล่วงหน้า โดยช่างเทคนิคจะทำการตรวจสอบรถ 30 จุดตามมาตรฐานฟอร์ดให้โดยไม่คิดค่าแรงเพื่อให้มั่นใจว่ารถของคุณทำงานได้อย่างราบรื่น

ในกรณีที่เจ้าของรถไม่มีเวลานำรถเข้าศูนย์ฯ เอง สามารถนัดหมายบริการรับและส่งรถ (Pick-up and Delivery) โดยพนักงานของศูนย์ฯ ฟอร์ดจะไปรับรถของคุณถึงที่บ้านและนำกลับมาส่งหลังจากตรวจเช็คและดำเนินงานเสร็จ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังมีรถบริการเคลื่อนที่ (Mobile Service Vehicle) ที่พร้อมให้บริการเช็กระยะด้วยมาตรฐานเดียวกับศูนย์บริการได้ถึงบ้าน

รถพร้อมแล้ว ยางก็ต้องพร้อม

ยางรถยนต์ที่นิ่มเกินไปหรือสึกหรอจะทำให้เกิดแรงเสียดทานขณะรถเคลื่อนตัวมากขึ้น นั่นหมายความว่า นอกจากรถจะทำงานหนักขึ้นแล้ว ยังต้องใช้น้ำมันมากขึ้นด้วย เจ้าของรถจึงควรตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำและต้องแน่ใจว่ายางรถยนต์มีแรงดันตามที่คู่มือแนะนำ (สามารถดูข้อมูลได้บนป้ายที่กรอบประตู) ทั้งนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ บางรุ่น ติดตั้งระบบตรวจสอบแรงดันลมยางที่จะช่วยเตือนเจ้าของรถหากยางมีแรงดันลดลง

อย่าบรรทุกของหนักควรหลีกเลี่ยงการบรรทุกสิ่งของที่ไม่จำเป็น ซึ่งจะเพิ่มน้ำหนักให้กับรถ ดร. นีล ลูวิงตัน ผู้ดูแลด้านอากาศพลศาสตร์ของฟอร์ด ออสเตรเลีย กล่าวว่า “ทุกสิ่งที่คุณบรรทุกจะทำให้รถของคุณทำงานหนักขึ้น ซึ่งหมายความว่ารถก็จะใช้น้ำมันมากขึ้นตามไปด้วย”คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์

ราวหรือแร็คหลังคาอาจช่วยให้บรรทุกสิ่งของได้ง่ายขึ้นก็จริง อย่างไรก็ตาม เจ้าของรถที่มีกล่องสัมภาระบนหลังคาหรือที่วางจักรยานควรถอดอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ออกเมื่อไม่ได้ใช้ เพราะอุปกรณ์เสริมถือเป็นการเพิ่มภาระให้กับรถไม่ต่างจากการบรรทุกน้ำหนักท้ายรถมากเกินไป วิธีนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการสร้างแรงต้านที่ไม่จำเป็นเมื่อขับขี่ได้

ดร. ลูวิงตัน กล่าวว่า “ถึงแม้การถอดที่วางจักรยานหรือกล่องสัมภาระอาจเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ แต่ถ้าคุณไม่ได้ใช้งานและแค่ขับรถในเมือง การติดแร็คหลังคาจะทำให้รถใช้น้ำมันมากขึ้นกว่าที่จำเป็น เนื่องจากน้ำหนักและแรงต้านที่เพิ่มขึ้น”

เคล็ดลับการขับขี่แบบประหยัดในสภาพอากาศร้อน

สภาพอากาศร้อนอบอ้าวของประเทศไทย ทำให้ผู้ขับขี่ต้องเปิดแอร์ โดยการใช้ระบบปรับอากาศของรถจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นและใช้น้ำมันมาก ฟอร์ดแนะนำให้ใช้โหมดอัตโนมัติของระบบปรับอากาศให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด 

ในกรณีที่ต้องจอดรถในสภาพอากาศร้อน พยายามจอดในที่ร่มเพื่อช่วยให้ห้องโดยสารเย็นได้นานที่สุด แอร์บนรถจะได้ไม่ต้องทำงานหนักเมื่อสตาร์ท แต่ถ้าหาที่ร่มจอดรถไม่ได้ ควรหาซื้อที่บังแดดคุณภาพดีเพื่อช่วยให้ห้องโดยสารไม่ร้อนมากจนเกินไป 

- Advertisment -

Must Read