One Ride คือกิจกรรมประจำปีที่มุ่งมั่นรวมพลังสาวก Royal Enfield ทั่วโลกผู้มีความหลงใหลในการขับขี่ได้เฉลิมฉลองปรัชญา Pure Motorcycling ร่วมกัน
- One Ride 2023 เป็นหนึ่งในกิจกรรมขับขี่ประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Royal Enfiled ทั่วโลก ที่ส่งต่อวัฒนธรรมเหล่านี้มากว่าทศวรรษ โดยยังคงมุ่งเน้นไปที่ภารกิจทางสังคมในการเป็นผู้ขับขี่ที่มีความรับผิดชอบตามแนวคิด ‘One Mission | One World | One Ride’
กรุงเทพ 20 กันยายน 2566: ชาว Royal Enfield (โรยัล เอ็นฟีลด์) กว่า 28,000 รายทั่วโลก ร่วมกิจกรรม One Ride 2023 ครั้งที่ 12 โดยมีสาวก Royal Enfield ร่วมเฉลิมฉลองขับขี่ไปตามเส้นทางของแต่ละชุมชน ในแต่ละประเทศ โดยสถิติล่าสุดมีผู้เข้าร่วมจากกว่า 58 ประเทศ ซึ่ง One Ride จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2011 โดยมีเป้าหมายร่วมกันสร้างจิตวิญญาณแห่งการขับขี่มอเตอร์ไซค์ร่วมกัน
One Ride รวบรวมนักบิดจากหลากหลายอาชีพ มีอายุที่แตกต่างกัน และมีการร่วมกิจกรรมจากภูมิภาคต่าง ๆ เป็นการร่วมขับขี่ที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างสังคมที่ไม่แบ่งแยก เป็นการขับขี่ที่กระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศในท้องถิ่น และปัญหาที่ชุมชนเผชิญอยู่ สำหรับธีมในปีนี้ยังคงเป็น “One Mission | One World | One Ride” โดยเบื้องหลังแนวคิดนี้คือการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติในการขับขี่ที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบในหมู่นักบิด และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โรยัล เอ็นฟีลด์ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการสนับสนุนให้ผู้ขับขี่เดินทางอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อการดำรงชีวิตของชุมชนท้องถิ่น One Ride 2023 สอดคล้องกับโครงการใหญ่ของ Royal Enfield ในการส่งเสริมการเดินทางอย่างมีความรับผิดชอบ และการทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นตามจุดหมายปลายทางที่นักบิดได้เดินทางไป
สำหรับกิจกรรม One Ride ของประเทศไทยในปีนี้ มีนักบิดรวมตัวกันกว่า 1,200 ราย จากกว่า 20 หัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ พัทยา อุดรธานี อุบลราชธานี นครปฐม หัวหิน ลพบุรี พิษณุโลก นครสวรรค์ อยุธยา และสุพรรณบุรี ร่วมกิจกรรมขับขี่กันอย่างคับคั่ง นับเป็นการร่วมกันสร้างสถิติครั้งใหม่ของเมืองไทย! และด้วยจิตวิญญาณเดียวกันนี้ One Ride ได้รับการเฉลิมฉลองทั่วโลกใน 58 ประเทศ รวมถึง อินเดีย เนปาล ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไทย สิงคโปร์ เกาหลี อินโดนีเซีย กัมพูชา เวียดนาม ญี่ปุ่น มองโกเลีย ฟิลิปปินส์ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส อิตาลี เยอรมนี ออสเตรีย เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ เช็ก เดนมาร์ก โครเอเชีย สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา โคลอมเบีย เม็กซิโก เปรู ชิลี เอกวาดอร์ อุรุกวัย คอสตาริกา บราซิล ดูไบ บาห์เรน กาตาร์ คูเวต มาดากัสการ์ โมร็อกโก ตุรกี ฮอนดูรัส และสาธารณรัฐโดมินิกัน และอื่นๆ
#OneRide #OneRide2023 #LeaveEveryPlaceBetter #RoyalEnfield #RidePure #PureMotorcycling
เกี่ยวกับโรยัล เอ็นฟีลด์:
Royal Enfield แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก โดยได้สร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สง่างามมีเอกลักษณ์มาตั้งแต่ปี 1901 จากต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ได้ส่งต่อศาสตร์แห่งการสร้างสรรค์อันล้ำค่ามาสู่โรงงานผลิตในเมือง Madras เมื่อปี 1955 นับเป็นฐานการผลิตสำคัญที่ Royal Enfield สร้างการเติบโตให้กับรถสองล้อขนาดกลางในประเทศอินเดีย สเน่ห์และความน่าสนใจของ Royal Enfield คือความมีเอกลักษณ์ ไม่ซับซ้อน เข้าถึงได้ พร้อมมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานในการขับขี่ นับเป็นยานพาหนะที่เหมาะในการสำรวจเปิดโลก และแสดงออกถึงบุคลิกที่มีเอกลักษณ์ของผู้ขับ ซึ่งเป็นแนวทางที่แบรนด์เรียกว่า Pure Motorcycling
กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมของ Royal Enfield ได้แก่ Hunter 350, Classic 350, Meteor 350, Super Meteor 650, Interceptor 650, Continental GT 650, Himalayan, Scram 411 ADV Crossover และ Bullet 350 กลุ่มนักขับขี่ผู้หลงใหลในเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์และการตกแต่ง สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมายได้ตลอดทั้งปี ที่มีทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ ตัวอย่างกิจกรรมที่น่าจับตามองมากที่สุดคือ Rider Mania ซึ่งเป็นการรวมตัวประจำปีของผู้ที่ชื่นชอบ Royal Enfield หลายพันคน จัดขึ้นที่รัฐกัว ประเทศอินเดีย และ Himalayan Odyssey ซึ่งเป็นการเดินทางแสวงบุญประจำปีบนภูมิประเทศที่ท้าทายที่สุดทางผ่านภูเขาที่สูงที่สุด ที่สร้างความประทับใจที่สุดเช่นกัน
Royal Enfield คือหนึ่งกลุ่มธุรกิจของ Eicher Motors Limited ดำเนินธุรกิจผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 2,050 แห่ง ในเมืองใหญ่ทั่วอินเดีย และส่งออกไปยัง 1,150 จุด กว่า 60 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีศูนย์ดูแลเชิงเทคนิคระดับโลกสองแห่งในเมือง Bruntingthorpe สหราชอาณาจักร และในเมือง Chennai ประเทศอินเดีย โดยโรงงานผลิตที่ทันสมัยทั้งสองแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ Oragadam และ Vallam Vadagal ใกล้กับเมือง Chennai ประเทศอินเดีย นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีศูนย์ประกอบ CKD ที่ทันสมัยอีก 5 แห่งในต่างประเทศ คือ เนปาล บราซิล ประเทศไทย อาร์เจนตินา และโคลอมเบีย โดยมีอัตราการเติบโต หรือ CAGR มากกว่า 35% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Royal Enfield จึงเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางระดับโลกอย่างแท้จริง