วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
spot_img
หน้าแรกAuto Newsตลาดรถยนต์เริ่มต้นครึ่งปีหลังติดลบ 8.8% ยอดขาย 58,419 คัน ยอดขายรถยนต์นั่งสดใส เติบโตต่อเนื่องที่ 17.3% ยอดขาย 22,511 คัน

ตลาดรถยนต์เริ่มต้นครึ่งปีหลังติดลบ 8.8% ยอดขาย 58,419 คัน ยอดขายรถยนต์นั่งสดใส เติบโตต่อเนื่องที่ 17.3% ยอดขาย 22,511 คัน

-

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยจำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกรกฏาคม 2566 ด้วยยอดขาย 58,419 คันลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ลูกค้าให้การตอบรับตลาดรถยนต์นั่งเดินหน้าต่อเนื่องด้วยยอดขาย 25,511 คันเติบโต 17.3% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องด้วยยอดขาย 35,908 คัน ลดลง 19.9% ในส่วนของรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ ชะลอตัวเช่นกันด้วยยอดขาย 24,982 คัน ลดลงถึง 26.6%

 

>ประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์

​​ตลาดรถยนต์เดือนกรกฏาคม 2566 มีปริมาณการขายที่ 58,419 คัน ลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าตลาดรถยนต์นั่งสามารถทำยอดขาย 22,511คัน เติบโตต่อเนื่องที่ 17.3% โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายในเซกเมนท์รถยนต์นั่งขนาดเล็กที่16,308 คัน เติบโต 18.1% แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้ยอดขายรวมในเดือนนี้กลับมาเป็นบวก เนื่องจากตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องที่ 19.9% ด้วยยอดขาย 35,908 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ชะลอตัวถึง 26.6% ด้วยยอดขาย 24,982 คัน จากการชะลอการสินใจซื้ออย่างต่อเนื่องของภาคธุรกิจ และภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธุรกิจขนส่ง โดยมีปัจจัยลบที่สำคัญอย่างยิ่งคือความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ที่มีความกังวลต่อหนี้เสียอันเป็นผลต่อเนื่องที่เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

​​ตลาดรถยนต์ในเดือนสิงหาคม มีความหวังที่จะฟื้นตัวขึ้น จากความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตวิทยาการบริโภคในการใช้เงินเพื่อจับจ่ายใช้สอย ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่ง   ผลดีต่อตลาดรถยนต์ด้วยเช่นกัน โดยมีปัจจัยเสริมที่สำคัญได้แก่ แคมเปญการตลาดในช่วงงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2023 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 3 กันยายน ศกนี้นอกจากช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ภายในงาน ยังขยายข้อเสนอพิเศษไปยังโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ อีกด้วย และนับเป็นโอกาสดีที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยลบที่สำคัญ ได้แก่ ความผันผวนทางเศรษฐกิจซึ่งส่งผลต่อภาวะหนี้สินครัวเรือน ตลอดจนความเข้มงวดของสถาบันการเงินต่อการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

 ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกรกฎาคม 2566

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 58,419 คัน ลดลง 8.8%

​อันดับที่ 1 โตโยต้า​20,421 คัน​เพิ่มขึ้น​0.7%​ส่วนแบ่งตลาด ​35.0%

อันดับที่ 2 อีซูซุ​ ​11,735 คัน​ลดลง​27.9%​ส่วนแบ่งตลาด ​20.1%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า​7,551 คัน​เพิ่มขึ้น ​ 4.1%​ ส่วนแบ่งตลาด ​12.9%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 22,511คัน เพิ่มขึ้น 17.3%

อันดับที่ 1 โตโยต้า​8,048 คัน​เพิ่มขึ้น​57.9%​ส่วนแบ่งตลาด ​35.8%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า​4,922 คัน​เพิ่มขึ้น​ 6.2%​ส่วนแบ่งตลาด ​21.9%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ​1,086 คัน​ลดลง ​39.3%​ส่วนแบ่งตลาด4.8%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 35,908 คัน ลดลง 19.9%

​อันดับที่ 1 โตโยต้า​12,373 คัน​ลดลง​18.5% ส่วนแบ่งตลาด 34.5%

อันดับที่ 2 อีซูซุ​​11,735 คัน​ลดลง​27.9%​ส่วนแบ่งตลาด 32.7%

​อันดับที่ 3 ฟอร์ด​2,754 คัน​ลดลง​23.7%​ส่วนแบ่งตลาด7.7%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 24,982 คัน ลดลง 26.6%

​อันดับที่ 1 อีซูซุ​​10,228 คัน​ลดลง​31.0%​ส่วนแบ่งตลาด 40.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า​ 10,088 คัน​ลดลง​20.3%​ส่วนแบ่งตลาด 40.4%

​อันดับที่ 3 ฟอร์ด​ 2,754 คัน​ลดลง​23.7%​ส่วนแบ่งตลาด11.0%

​​*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,673 คัน

โตโยต้า 1,776 คัน – อีซูซุ 1,677 คัน – ฟอร์ด 934 คัน – มิตซูบิชิ 213 คัน – นิสสัน 73 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 20,309 คัน ลดลง 31.9%

​อันดับที่ 1 อีซูซุ​ ​8,551คัน​ลดลง​35.5%​ส่วนแบ่งตลาด 42.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า​ 8,312 คัน​ลดลง  26.7%​ส่วนแบ่งตลาด 40.9%

​อันดับที่ 3 ฟอร์ด​ 1,820 คัน​ลดลง​37.4%​ส่วนแบ่งตลาด 9.0%

 สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กรกฏาคม 2566

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย464,550 คัน ลดลง 5.5%

อันดับที่ 1 โตโยต้า​ 157,280 คัน​ลดลง​  3.1%​ส่วนแบ่งตลาด 33.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ​ ​ 98,016 คัน​ลดลง     22.3% ส่วนแบ่งตลาด 21.1%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า​ 53,685 คัน​เพิ่มขึ้น​ 13.2%​ ส่วนแบ่งตลาด11.6%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 170,598คัน เพิ่มขึ้น 10.0%

อันดับที่ 1 โตโยต้า​ 59,089 คัน​เพิ่มขึ้น​34.3%​ส่วนแบ่งตลาด 34.6%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า​ 35,347 คัน​เพิ่มขึ้น​3.3%​ส่วนแบ่งตลาด 20.7%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ​ 10,664 คัน​ลดลง  17.8%​ส่วนแบ่งตลาด 6.3%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 293,952 คัน ลดลง 12.6%

​อันดับที่ 1 โตโยต้า ​ 98,191คัน​ลดลง​17.0%​ส่วนแบ่งตลาด​33.4%

อันดับที่ 2 อีซูซุ​​ 98,016 คัน​ลดลง​22.3%​ส่วนแบ่งตลาด ​33.3%

​อันดับที่ 3 ฟอร์ด​ 22,871 คัน​เพิ่มขึ้น​23.6%​ส่วนแบ่งตลาด7.8%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 207,934 คัน ลดลง20.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ​​ 88,861 คัน​ลดลง​23.6%​ส่วนแบ่งตลาด​42.7%

อันดับที่ 2 โตโยต้า​ 80,632 คัน​ลดลง​20.9% ​ส่วนแบ่งตลาด​38.8%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด​ 22,871 คัน​เพิ่มขึ้น​23.6%​ส่วนแบ่งตลาด​11.0%

​​*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 37,940 คัน

​โตโยต้า 13,538 คัน – อีซูซุ 13,630 คัน – ฟอร์ด 7,204 คัน – มิตซูบิชิ 2,806 คัน – นิสสัน 762 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 169,994 คัน ลดลง 25.5%

​อันดับที่ 1 อีซูซุ​​75,231คัน​ลดลง  28.8%​ส่วนแบ่งตลาด 44.3%

อันดับที่ 2 โตโยต้า​67,094 คัน​ลดลง 23.0%​ส่วนแบ่งตลาด 39.5%

​อันดับที่ 3 ฟอร์ด​ 15,667 คัน​เพิ่มขึ้น​0.7%​ส่วนแบ่งตลาด 9.2%

- Advertisment -

Must Read