เกีย รุกตลาดหนัก เร่งขยายฐานลูกค้า เพิ่มรุ่นเริ่มต้นใหม่ของ“Kia Carnival” พร้อมขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง

0
282

บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เกีย ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เร่งขยายฐานกลุ่มลูกค้า ด้วยการเพิ่มรุ่นเริ่มต้นใหม่ของยนตรกรรมอเนกประสงค์ระดับพรีเมียม รุ่นเรือธงอย่าง “เกีย คาร์นิวัล” เจเนอเรชันที่ 4 โดยนำมาจัดแสดงให้ผู้สนใจสัมผัสอย่างใกล้ชิด  พร้อมข้อเสนอพิเศษภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ณ บูธเกีย B1 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 พร้อมเดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยการขยายเครือข่ายโชว์รูม และศูนย์บริการมาตรฐาน เพื่ออำนวยความสะดวกและรองรับการบริการลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค

นางสาวฬสนันท์ ภูนิธิพันธุ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “สำหรับเกีย คาร์นิวัล เจเนอเรชันที่ 4 เป็นรถยนต์รุ่นเรือธงของ เกีย ในประเทศไทย ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการและเริ่มส่งมอบตั้งแต่ช่วงประมาณต้นปี 2564 ด้วยดีไซน์ใหม่ที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและปรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมด้วยระบบอำนวยความสะดวกที่ครบครัน จึงสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวยุคใหม่ พิสูจน์ได้จากยอดส่งมอบในประเทศไทยแล้วร่วม 3,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัว และในโอกาสนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างมากยิ่งขึ้น เกียได้มีการเพิ่มทางเลือกด้วยรุ่นเริ่มต้น เกีย คาร์นิวัล LX โดยมาพร้อมเครื่องยนต์สมาร์ทสตรีม ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร มาตรฐานยูโร 5 ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ที่ยังคงให้สมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น ดีไซน์ภายนอกและภายในที่ทันสมัย พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยที่ครบครัน และมีรถพร้อมส่งมอบในทันทีสำหรับล็อตแรก”

สำหรับ เกีย คาร์นิวัล LX มาพร้อมการปรับฟีเจอร์ให้เหมาะสมและตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยจะยังคงสมรรถะการขับขี่ที่โดดเด่นของเกีย คาร์นิวัล ด้วยเครื่องยนต์สมาร์ทสตรีม ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เบรกมือไฟฟ้าพร้อมด้วยระบบ Auto Brake Hold และโหมดการขับขี่ที่หลากหลายที่ช่วยเพิ่มความสนุกสนานและความสปอร์ตในการขับขี่ ดีไซน์ภายนอกมาพร้อมกับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ไฟหน้าแบบ LED และ Daytime Running Right ผสานดีไซน์ภายในที่หรูหราและทันสมัยด้วยหน้าจอ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบวิทยุที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย อีกทั้งยังมีห้องโดยสารภายในที่กว้างขวางด้วยที่นั่งจำนวน 11 ที่นั่งที่สามารถปรับพับเบาะได้หลากหลายรูปแบบ สะดวกสบายด้วยที่ชาร์จ USB รอบคันจำนวน 6 จุด และกระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ ทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน อาทิ ถุงลงนิรภัยและม่านถุงลมนิรภัยรอบคัน ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ระบบรักษาความเร็วคงที่ (Cruise Control) พร้อมด้วยกล้องมองหลัง (Rear View Monitor) และเซ็นเซอร์การถอยจอดด้านหลัง

“นอกจากกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าของเกียแล้ว อีกหนึ่งเป้าหมายหลักของเราในปี 2566 คือ การเร่งขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเกียมาตรฐานให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคมากยิ่งขึ้น รวมถึงเร่งปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของโชว์รูมและศูนย์บริการให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์แบรนด์และโลโก้ใหม่ของของ เกีย ประเทศเกาหลีใต้ ภายใต้แนวคิด The Opposite United  โดยในปัจจุบันเรามีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการ 18 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนจะขยายเพิ่มเติมอีก 2 แห่งภายในปีนี้ ได้แก่ เชียงใหม่ และ พิษณุโลก ทั้งนี้ เกียยังได้เพิ่มช่องทางการต่อต่อสื่อสาร ‘Kia Connect’ ซึ่งเป็นระบบจองคิวนัดหมายรับบริการที่ศูนย์เกียทุกแห่งในประเทศไทย ผ่าน Line Official Account : Kia Thailand เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการรับบริการต่างๆ อาทิ การเช็กระยะ การแจ้งซ่อมทั่วไป การขอเคลมประกันภัย หรือเคลมวารันตี เป็นต้น  และยังเป็นช่องทางในการรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของเกียอีกด้วย โดยระบบ ‘Kia Connect’ พร้อมให้บริการกับลูกค้าเกียทุกท่านแล้ววันนี้” นางสาวฬสนันท์ กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับ เกีย คาร์นิวัล มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • รุ่น LX (ใหม่): มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาว Snow Flake White และสีดำ Jet Black ราคา 1,892,000 บาท
  • รุ่น EX: มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาวมุก Snow White Pearl สีดำ Aurora Black Pearl และสีเทาดำ Panthera Metal ราคา 2,234,000 บาท
  • รุ่น SXL: มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวมุก Snow White Pearl สีดำ Aurora Black Pearl สีเทาดำ Panthera Metal และสีฟ้า Astra Blue ราคา 2,594,000 บาท

โดยทางเกียจะจัดแสดงยนตรกรรม เกีย คาร์นิวัล ครบทุกรุ่นย่อยและทุกสีให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และสามารถทดลองขับได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 นี้ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ* สำหรับลูกค้าที่จองภายในงานและที่โชว์รูมเกียทุกสาขา ดังนี้

  • การประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม.
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม. นาน 5 ปี
  • ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมเกียทุกสาขาทั่วประเทศ หรือทางเว็บไซต์ที่ www.kia.com โทรศัพท์ 02-915-1991 และสามารถติดตามข่าวสาร Kia Thailand เพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: KIA Thailand หรือ ที่ LINE Official Account: @kia.thailand

หมายเหตุ* เงื่อนไขข้อเสนอพิเศษต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://shorturl.at/exNQ7

จุดเด่นของ เกีย คาร์นิวัล รุ่น LX (MY2023)

รุ่น LX: ราคา 1,892,000 บาท

ข้อมูลทางเทคนิคเครื่องยนต์และมิติตัวรถ

  • เครื่องยนต์สมาร์ทสตรีม ดีเซล เทอร์โบ 2.2 ลิตร มาตรฐาน EURO5
  • ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 45 กิโลกรัม-เมตร
  • ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold
  • ระบบเลือกการขับขี่ (Drive Mode): Normal Mode, Sport Mode, Eco Mode, Smart Mode

ดีไซน์ภายนอก

  • โลโก้ Kia แบบใหม่บริเวณฝากระโปรงหน้า ดุมล้อ และ ไฟท้าย
  • กระจังหน้าดีไซน์ใหม่
  • ไฟหน้า LED แบบ Multi Focus Reflector พร้อม Daytime Running Light
  • ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
  • แร็คหลังคา

ดีไซน์ภายใน

  • เบาะผ้าสไตล์ทูโทน สีน้ำตาล Saddle Brown ตัดขอบดำ สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 11 ที่นั่ง
  • เบาะแถวที่ 4 แบบ Pop-Up Sinking ที่พับเก็บได้ราบเรียบและง่ายดาย เพิ่มพื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระ
  • จุดชาร์จ USB จำนวน 6 จุดบริเวณคอนโซลด้านหน้า ด้านข้างของเบาะคู่หน้าและบริเวณที่นั่งแถวที่ 3

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความบันเทิง

  • หน้าจอ Infotainment พร้อมจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว
  • ระบบวิทยุที่เชื่อมต่อผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย

ระบบความปลอดภัย

  • ถุงลมนิรภัยรอบคัน รวม 7 จุด: คู่หน้า ด้านข้างเบาะคู่หน้า บริเวณหัวเข่าของผู้ขับขี่ ม่านนิรภัยรอบคัน
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ที่มาพร้อมกับระบบช่วยเสริมแรงเบรก (BAS) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS) และระบบช่วยออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HAC)
  • ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง
  • กล้องมองหลัง (Rear-view Monitor)

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่