วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกAuto Newsวินฟาสต์ คืออนาคตของวินกรุ๊ป กลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

วินฟาสต์ คืออนาคตของวินกรุ๊ป กลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

-

ด้วยการให้ความสำคัญกับความสำเร็จในระยะยาวมากกว่าผลกำไรในระยะสั้น ฝ่าม เญิ้ต เวือง นักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในเวียดนามด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวม 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังพยายามพิสูจน์ให้เห็นถึงความทุ่มเทในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านวินฟาสต์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำพาแบรนด์รถยนต์นี้สู่อนาคตในระยะยาว และรับมือกับความท้าทายในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในการสร้างวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

วินกรุ๊ป (Vingroup) บริษัทชั้นนำของเวียดนามที่ติดอันดับ 45 ใน Fortune Southeast Asia 500 กำลังมุ่งสู่การเป็นกลุ่มบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของภูมิภาค ด้วยธุรกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่เทคโนโลยี การค้า และบริการ ตลอดจนธุรกิจเพื่อสังคม อย่างไรก็ตาม ประธานของวินกรุ๊ป ย้ำหนักแน่นว่าอนาคตของบริษัทอยู่ที่วินฟาสต์ ซึ่งแม้จะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่
ในอุตสาหกรรมรถยนต์ แต่กำลังสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็วภายใต้การสนับสนุนด้านเงินทุน และเทคโนโลยี
ที่แข็งแกร่งของวินกรุ๊ป

โปรเจ็คต์แห่งการทุ่มเทแรงใจ

ในการสัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อเร็วๆ นี้  “ฝ่าม เญิ้ต เวือง” ซีอีโอของวินฟาสต์ และประธานขอวินกรุ๊ป ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่มีต่อวิสัยทัศน์ระยะยาวของวินฟาสต์ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถฝ่าฟันอุปสรรค
ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ากำลังเผชิญอยู่ได้

“เวือง” ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และเป็นผู้นำทางธุรกิจที่ทรงอิทธิพล ครองความยิ่งใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเวียดนามด้วยกลุ่มบริษัทวินกรุ๊ป ซึ่งมีเครือข่ายธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้า และสถาบันการศึกษา ที่มีบทบาทต่อชีวิตของชาวเวียดนามจำนวนมาก

เพื่อเสริมสร้างความมุ่งมั่นในระยะยาวนี้ เวือง ให้ความสำคัญกับราคาหุ้นที่สะท้อนถึงคุณค่า และอนาคตที่แท้จริงของบริษัท ซึ่งเห็นได้ชัดจากการตัดสินใจยอมทิ้งผลกำไรในระยะสั้นโดยการระงับการเสนอขายหุ้นเพิ่มเติม เพราะเชื่อว่าขนาดของหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (free float) ยังมีความสำคัญไม่มากสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ในระยะยาว

“ราคาหุ้นในปัจจุบัน และ free float ไม่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายใหญ่ และระยะยาว และเราไม่รีบที่จะนำหุ้นเข้า
สู่ตลาดเพิ่มเติม” เวืองกล่าว

แรงผลักดันเบื้องหลังการพัฒนาของวินฟาสต์ คือความทะเยอทะยานของเวือง ที่จะยกระดับภาคการผลิตของเวียดนามให้สูงขึ้น โดยเฉพาะในการประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตรองเท้าให้กับบริษัทต่างชาติ

ภายในเวลาเพียงหกปี วินฟาสต์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์รถยนต์ชั้นนำของเวียดนาม และกำลังเติบโตอย่าง
ก้าวกระโดดในตลาดโลก ซึ่งมีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเพียงไม่กี่แห่งทั่วโลกสามารถทำได้ในเวลาอันสั้นนี้ และได้สร้าง
ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุม และมีความหลากหลาย ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และรถโดยสาร รวมถึงเครือข่ายสถานีชาร์จ และโครงสร้างพื้นฐานการบริการลูกค้าที่แข็งแกร่ง

จุดแข็งหลักของวินฟาสต์อยู่ที่ความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างไม่ย่อท้อ เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนแห่งแรงบันดาลใจของ
วินกรุ๊ปในการสร้างแบรนด์อุตสาหกรรมไฮเทคของเวียดนามที่มีอิทธิพลในระดับโลก ซึ่งจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของเวียดนามบนเวทีโลก แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ความทันสมัย และความเจริญรุ่งเรืองที่เพิ่มขึ้น ความมุ่งมั่นในการสร้างอิมแพคต่อสังคมนี้ทำให้ เวือง ยังคงความสุขุมได้ท่ามกลางความท้าทายปัจจุบัน
ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ากำลังเผชิญอยู่

ความสงบสยบทุกข้อกังขา

เวือง แสดงความมั่นใจในศักยภาพของวินฟาสต์ที่จะก้าวสู่ความสำเร็จได้ แม้ว่าจะขับเคลื่อนธุรกิจโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสังคม และสิ่งแวดล้อม แต่เขายังคงเชื่อมั่นในความสามารถในการพึ่งพาตนเองทางการเงิน และเทคโนโลยีของ
วินฟาสต์  และจะบรรลุจุดคุ้มทุนในเร็วๆ นี้ และสามารถยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองได้ในที่สุด ภาวะจิตใจที่สงบ
ไร้กังวัลนี้ช่วยให้เขาเปิดรับมุมมองสู่วันข้างหน้าในระยะยาวโดยไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคในระยะสั้น ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ต่ออนาคตอันสดใสของยานยนต์ไฟฟ้า

ในไตรมาสแรกของปี 2024 วินฟาสต์ยังคงเดินหน้าตามแผนสร้างการเติบโตทั่วโลก โดยเปิดตัวแบรนด์ในประเทศไทยและอินโดนีเซีย รวมถึงรุกสู่ตลาดตะวันออกกลาง และได้เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตในอินเดีย และขยายเครือข่าย
จัดจำหน่ายทั่วโลก ขณะที่ยอดขายในเวียดนามยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้  ทั้งนี้
วินฟาสต์ยังมีการเติบโตที่น่าพอใจในตลาดสหรัฐอเมริกา โดยมีตัวแทนจำหน่ายรายใหม่หลายราย และมีรายงานตัวเลขยอดขายที่ดี

“ผมไม่เคยกังวลเรื่องยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า เพราะยานยนต์ไฟฟ้าจะต้องเติบโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน” เวืองกล่าว พร้อมทั้งกล่าวถึงแผนของวินฟาสต์ที่จะเปิดโรงงานในอินเดียในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ซึ่งเร็วกว่ากำหนดถึงหกเดือน ขณะที่การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในอินโดนีเซียก็มีกำหนดจะเริ่มขึ้นภายในสองเดือนข้างหน้า

ด้วยการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจในขณะที่คู่แข่งกำลังลังเล วินฟาสต์จึงมีโอกาสสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างชัดเจนสำหรับการเติบโตในอนาคต

- Advertisment -

Must Read