
นายยุทธนา เจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด (BLCP) กล่าวถึงเป้าหมายการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตไฟฟ้า และ ความคืบหน้าโครงการวิจัยนวัตกรรมจุลสาหร่ายเพื่อบำบัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศว่า โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีนอกจากจะมีภารกิจหลักในการผลิตไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ด้วย ซึ่งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างแท้จริงนั้น ไม่สามารถทำสำเร็จได้โดยวิธีใดวิธีหนึ่งต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน ดังนั้นโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี จึงได้ดำเนินการศึกษาการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) และแอมโมเนียคาร์บอนต่ำเป็นเชื้อเพลิงร่วม โครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture) รวมถึงโครงการวิจัยนวัตกรรมจุลสาหร่ายเพื่อดักจับและบำบัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตไฟฟ้า

โดยโครงการวิจัยจุลสาหร่ายเป็นความร่วมมือระหว่างโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และ บริษัท อัลกัล ไบโอ จำกัด (Algal Bio) บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่มีความเชี่ยวชาญด้านจุลสาหร่ายระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยการสนับสนุนจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO : เจโทร) และ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น (Ministry of Economy, Trade and Industry : METI) เพื่อศึกษาการนำจุลสาหร่ายที่เพาะเลี้ยงในระบบปิดมาดักจับและเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นชีวมวลที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ โดยข้อดีของการนำจุลสาหร่ายมาใช้ดักจับและบำบัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น มีข้อได้เปรียบหลายประการ อาทิ ดูดซับก๊าซได้โดยตรงจากแหล่งกำเนิดไม่ต้องผ่านกระบวนการดักจับแบบซับซ้อน มีศักยภาพด้านต้นทุนที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่น เช่น DAC (Direct Air Capture) หรือการผลิตทางชีวเคมี สามารถนำชีวมวลที่ได้จากการเพาะเลี้ยงจุลสาหร่ายมาเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Product) สามารถพัฒนาต่อยอดร่วมกับภาคธุรกิจและชุมชนเพื่อสร้างเป็นระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนสีเขียวในการนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ล่าสุดทางเจโทร กรุงเทพฯ (JETRO, Bangkok) และ บริษัท เจร่า จำกัด (JERA) ได้นำคณะผู้บริหารจากหลายอุตสาหกรรมชั้นนำ อาทิ อาหาร อาหารเพื่อสุขภาพ ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง อาหารสัตว์ ยานยนต์ ฯลฯ เข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าและโครงการทดลองเพาะเลี้ยงจุลสาหร่าย พร้อมรับทราบถึงข้อมูลรายละเอียดความสำเร็จของโครงการฯ แนวทางการพัฒนาและการนำจุลสาหร่ายไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
สำหรับผลตอบรับที่ได้รับจากผู้เข้าเยี่ยมชมนั้น มีแนวโน้มที่ดีหลายบริษัทเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของโครงการฯ พร้อมให้ความสนใจสอบถามข้อมูลและพูดคุยเบื้องต้นถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือพัฒนาต่อยอดไปสู่หลายอุตสาหกรรม ทั้งในแง่การใช้ประโยชน์จากจุลสาหร่ายในการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต รวมถึงการพัฒนาขยายผลในการนำจุลสาหร่ายไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง
นอกจากนั้น นายยุทธนา ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงการสร้างความร่วมมือในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาชนว่า แม้การเริ่มต้นของโครงการวิจัยนวัตกรรมจุลสาหร่ายเพื่อบำบัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะยังช่วยลดปริมาณก๊าซได้ไม่มากนัก แต่ก็เป็นการเริ่มต้นของการลงมือทำ เพื่อสร้างนวัตกรรม โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี พร้อมจะร่วมมือและถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่พันธมิตร ภาครัฐ ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ชุมชน และภาคประชาชน ในการขยายความร่วมมือการลดและใช้ประโยชน์จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นต่อไป
โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) “มุ่งพัฒนาพลังงานที่มั่นคง เพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ผู้สนใจค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.blcp.co.th/web/index หรือ Facebook : โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี – BLCP Power Limited


