กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษในงาน BMW GROUP Expo 2025 ภายใต้แนวคิด ‘Heritage Meets Innovation’ ที่ผสานความเป็นตำนานจากอดีตเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งอนาคต โดยจัดแสดงยนตรกรรมหลากหลายรุ่นจากทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดในรูปแบบนิทรรศการทั่วทั้งบริเวณชั้น G ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ยนตรกรรมซีดานระดับตำนานที่ครองใจผู้ขับขี่ทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคม พ.ศ. 2568 นี้ ไฮไลท์พิเศษของงานในปีนี้คือการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของบรรดารุ่นคลาสสิก ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม ณ ลาน ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดโอกาสให้คนรักรถคลาสสิกได้แสดงออกถึงตัวตนและสัมผัสกับมรดก
อันทรงคุณค่าของแบรนด์ที่สร้างตำนานมาอย่างยาวนาน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมายสำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของยนตรกรรมจากทั้งสามแบรนด์
มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “งาน BMW GROUP Expo 2025 ในปีนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองมรดกอันทรงคุณค่าที่บีเอ็มดับเบิลยูได้สร้างสรรค์และสืบสานมาตลอดหลายทศวรรษ ภายใต้แนวคิด ‘Heritage Meets Innovation’ เราต้องการนำเสนอเรื่องราวความสำเร็จของยนตรกรรมในอดีตที่เป็นรากฐานสำคัญสู่นวัตกรรมล้ำสมัยในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระครบรอบ 50 ปีของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ซึ่งเป็นตำนานที่อยู่เคียงข้างและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ขับขี่ทั่วโลกมาอย่างยาวนาน แฟน ๆ ของบีเอ็มดับเบิลยูในไทยจะได้พบกับ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรกจนถึงเจเนอเรชั่น 7 หรือรุ่นปัจจุบันอีกด้วย”
“นอกจากการจัดแสดงยนตรกรรมหลากหลายรุ่นจากทั้งสามแบรนด์แล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งของผู้ที่ชื่นชอบในแบรนด์ของเรา ด้วยการรวมตัวของกลุ่มแฟนคลับบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ที่จะมาแบ่งปันความหลงใหลและประสบการณ์ร่วมกัน สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันอันแน่นแฟ้นระหว่างแบรนด์กับลูกค้าที่มีมาอย่างยาวนาน พร้อมกันนี้ เรายังคงตอกย้ำปรัชญา ‘สุนทรียภาพแห่งการขับขี่’ และการเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ล้ำสมัยที่ผสานความหรูหราเหนือระดับ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เข้าถึงง่ายและน่าประทับใจยิ่งขึ้นให้กับทุกท่าน”
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ การจัดแสดงยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด นำโดย บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé ใหม่ และ บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport สุดพิเศษกับยนตรกรรมรุ่นไฮไลท์จากมินิ อย่าง MINI 66 Collection รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง 66 ปีของมินิ นับตั้งแต่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1959 โดยเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศ สิงคโปร์ไปเมื่อไม่นานมานี้ และมีให้มินิสเตอร์ในไทยได้จับจองแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 1 คันเท่านั้น นอกจากนี้ ยังได้พบกับมินิ คันทรีแมน เอส ออล4 ไฮทริม ราคาใหม่ รวมถึงมอเตอร์ไซค์รุ่นเด่นจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างบีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT และบีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์จากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์
การจัดแสดงยนตรกรรมในรูปแบบนิทรรศการที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
ภายในงาน BMW GROUP Expo 2025 ได้จัดแสดงยนตรกรรมในรูปแบบนิทรรศการที่พาผู้เข้าชมเดินทางย้อนเวลาผ่านประวัติศาสตร์อันยาวนานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป โดยแต่ละโซนได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดที่หลากหลาย มอบประสบการณ์ที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ ดังนี้
- เสน่ห์แห่งยุคคลาสสิก: บรรยากาศบาร์เรโทรย้อนยุคที่ชวนให้ผู้เข้าชมดื่มด่ำกับตำนานยนตรกรรมอันเป็นไอคอนของบีเอ็มดับเบิลยู อย่าง BMW ISETTA รถขนาดจิ๋วที่เปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุค 50 พร้อมด้วย บีเอ็มดับเบิลยู 2002 รถสปอร์ตซีดานที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ และ R75 Sidecar มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างในตำนานที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์โลก เข้าชมได้ที่โซน Temp 7
- พลังแห่งตระกูล M: บูธที่ออกแบบด้วยลายเส้นที่โฉบเฉี่ยวสะท้อนดีเอ็นเอความสปอร์ตของตระกูล M โดยจัดแสดงรุ่น M3 (E30) ให้เห็นวิวัฒนาการของยนตรกรรมสมรรถนะสูงที่ครองใจนักขับทั่วโลก เคียงคู่กับ M2 LCI รุ่นล่าสุดที่สืบทอดจิตวิญญาณความเร้าใจแบบคอมแพ็คสปอร์ต เข้าชมได้ที่โซน Temp 6
- เฉลิมฉลอง 50 ปี ซีรีส์ 3: ไฮไลท์สำคัญของงานกับการจัดแสดงบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ครบทั้ง 7 เจเนอเรชั่น เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของยนตรกรรมซีดานที่ประสบความสำเร็จที่สุดของแบรนด์ในวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม จัดแสดง ซีรีส์ 2 Gran Coupe M Sport Pro รุ่นใหม่ล่าสุด เสริมทัพด้วยมอเตอร์ไซค์รุ่นเรือธงอย่าง
R 1250 RT ทัวร์ริ่งไบค์สุดหรู และ F 900 GS แอดเวนเจอร์ไบค์สมรรถนะสูง รวมถึงยนตรกรรมตระกูล X ที่รวบรวมมาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด เข้าชมได้ที่ลาน EDEN - นวัตกรรมแห่งอนาคต: พื้นที่แสดงวิสัยทัศน์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดของบีเอ็มดับเบิลยู นำโดย iX1 eDrive20L M Sport ที่เปิดตัวล่าสุด พร้อมนิทรรศการพิเศษของ BMW i8 ยนตรกรรมสปอร์ตไฮบริดที่ผสานนวัตกรรมและดีไซน์อันโดดเด่นได้อย่างลงตัว เข้าชมได้ที่โซน Central Court
- ความหรูหราเหนือระดับ: สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับยนตรกรรมแห่งความหรูหราที่มาพร้อมระบบ iDrive ล่าสุด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sport ซีดานไฟฟ้าระดับผู้นำ และ X7 xDrive40d M Sport LCI ยานยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่มอบความหรูหราเหนือระดับ
- ตำนานแห่งชัยชนะ: ย้อนรอยประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของมินิกับการจัดแสดง มินิ คลาสสิค แรงบันดาลใจจาก MONTE CARLO RALLY 1964 กับสีแดงสุดไอคอนิกที่สร้างตำนานชัยชนะในการแข่งขันแรลลี่ระดับโลก พร้อมเชื่อมโยงสู่ปัจจุบันกับตระกูล มินิ John Cooper Works ที่สืบทอดจิตวิญญาณความสปอร์ตและสมรรถนะสูงมาจนถึงทุกวันนี้ พร้อมสัมผัสเสน่ห์ความสปอร์ตสไตล์อังกฤษกับ มินิ คูเปอร์ เอสอี มินิ เอซแมน และ มินิ คันทรีแมน ไฮทริม เข้าชมได้ที่โซน BEACON 2&3
- รวมพลคนรักยนตรกรรมคลาสสิก 23 สิงหาคม: พื้นที่พิเศษสำหรับการรวมตัวของเหล่าผู้หลงใหลในยนตรกรรมคลาสสิกจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่จะนำรถคู่ใจมาจัดแสดงและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมยานยนต์ที่มีชีวิต และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเขียนประวัติศาสตร์บทใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ร่วมสัมผัสโมเมนต์สุดพิเศษได้ที่ลาน Square
ข้อเสนอสุดพิเศษภายในงาน BMW GROUP Expo 2025
สำหรับลูกค้าที่จองและรับส่งมอบรถยนต์รุ่น X4 xDrive20d, X5 xDrive50e และ X6 xDrive40i M Sport ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 รับของสมนาคุณฟรี ได้แก่ ชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 250,000 บาทสำหรับรุ่น X4 xDrive20d และ X6 xDrive40i M Sport และชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 300,000 บาท สำหรับรุ่น X5 xDrive50e M Sportพร้อมกับข้อเสนอพิเศษเมื่อทำสัญญาทางการเงินกับ BMW Financial Services* รับของสมนาคุณเพิ่มอีก
- ของสมนาคุณ รับฟรี BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี*
หรือ
- ของสมนาคุณ รับฟรี BMW Protect (ประกันภัยชั้น 1) สูงสุด 1 ปี *
*ดูข้อมูลเพิ่มเติม ข้อกำหนด และเงื่อนไข ได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/offers-and-services/promotional-offers/bmw-groupexpo-2025.html
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
สำหรับลูกค้าที่จองและรับส่งมอบรถยนต์จากมินิ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 พบกับข้อเสนอสุดพิเศษ การันตีมูลค่าซื้อคืนสูงสุดถึง 60% และเลือกรับข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติม
- ผ่อนสบายเริ่มต้นเพียง 9,999 บาทต่อเดือน หรือ
- ค่าใช้จ่ายรายเดือนแบบเหมารวมเริ่มต้นเพียง 24,999 บาทต่อเดือน (รวม MSI Standard และประกันภัยชั้นหนึ่งสูงสุด 3 ปี)
สำหรับลูกค้าที่จองและรับส่งมอบบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด R 1250 RT ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 สิงหาคม 2568 พบกับข้อเสนอสุดพิเศษ
- ข้อเสนอดอกเบี้ยเพียง 1.25% นาน 36 เดือน
- ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี
- รับประกัน 5 ปี
สำหรับลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นต่าง ๆ ต่อไปนี้ ภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 และเลือกทำสัญญาทางการเงินกับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังจะได้รับข้อเสนอพิเศษดังนี้**:
รุ่น | ข้อเสนอ |
บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupe M Sport Pro | · รับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี |
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport | · รับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี และ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 2 ปี
หรือเลือกรับ · ดอกเบี้ยผ่อนชำระรายเดือน 1.99%* และ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 2 ปี
|
บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport Pro | · รับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี และ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 2 ปี
หรือเลือกรับ · ดอกเบี้ยผ่อนรายเดือน 1.99%* |
บีเอ็มดับเบิลยู 530e Inspiring
บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport |
· รับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี และ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 2 ปี
หรือเลือกรับ · ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี และดอกเบี้ยผ่อนรายเดือน 1.99%* |
บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport | · ฟรี BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี และผ่อนรายเดือนเริ่มต้นเพียง 17,500 บาท/เดือน
หรือเลือกรับ · ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี และดอกเบี้ย 1.99%* |
บีเอ็มดับเบิลยู X3 20d xDrive
บีเอ็มดับเบิลยูX3 M50 |
· ฟรี BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี และข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี
หรือเลือกรับ · ข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี |
บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport (Inspiring) | · รับข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) สูงสุด 3 ปี
หรือเลือกรับ · รับข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี และ |
บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d | · รับชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 250,000 บาทและ ข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี
หรือเลือกรับ · ชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 250,000 บาทและรับ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี |
บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive50e | · รับชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 300,000 บาทและรับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี
หรือเลือกรับ · ชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 300,000 บาทและรับข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี |
บีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sport | · รับชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 250,000 บาทและรับข้อเสนอ BSI Ultimate Upgrade สูงสุด 5 ปี
หรือ · เลือกรับ ฟรี ชุดแต่ง Original BMW Accessory มูลค่ากว่า 250,000 บาท และรับข้อเสนอ BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) 1 ปี |
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BMW GROUP Expo 2025 รายละเอียดข้อเสนอ และการจองทดสอบรถ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของบีเอ็มดับเบิลยู
**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
ไฮไลท์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ในงาน BMW GROUP Expo 2025
บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่
ราคา: 2,199,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé กลับมาอีกครั้งพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ล่าสุดในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ที่ยกระดับทั้งสมรรถนะและเทคโนโลยีแบบรอบด้าน เตรียมเติมสีสันให้คุณได้เพลินไปกับ
การเดินทางในทุกวัน
บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังคงเปี่ยมด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลซีรีส์ 2 สวยสะดุดตาตั้งแต่หัวจรดท้าย เริ่มจากกระจังหน้าที่กว้างขึ้น และยังติดตั้งระบบไฟ BMW Iconic Glow มาเป็น
ครั้งแรกในซีรีส์ 2 เพื่อขับเน้นรูปทรงของกระจังหน้าให้สวยเด่นยิ่งขึ้น ไฟหน้าแบบ Adaptive LED มาในทรงทอดยาวออกด้านข้าง ช่วยดึงดูดสายตาไปยังทรวดทรงสไตล์สปอร์ตเต็มขั้นของตัวรถ ซึ่งผสมหลังคาทรงโค้งแบบ
รถคูเป้เข้ากับห้องโดยสารแบบ 4 ประตูในแบบรถซีดาน ชุดแต่ง M Sport Pro ยิ่งขับเน้นความโฉบเฉี่ยวของ
บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ด้วยชุดโคมไฟหน้า M Lights Shadowline และกรอบหน้าต่างแบบเรียบหรู M high-gloss Shadowline สอดรับกับล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์ Y-spoke Bicolour พร้อมคาลิเปอร์เบรก M Sport สีแดงเงาแบบ 4 ลูกสูบ
ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังคงมาพร้อมกับหลังคากระจก Panorama Glass Roof เช่นเดียวกับซีรีส์ 2 Gran Coupé รุ่นก่อนหน้า แต่ได้รับการปรับโฉมแบบรอบด้านในส่วนอื่น นับตั้งแต่เบาะนั่งแบบสปอร์ตที่หุ้มด้วยวัสดุ Veganza ชุดแต่งภายในแบบ Illuminated ในโทนสีเทา-ดำ Aluminium Graphite ที่มาพร้อมไฟแต่งห้องโดยสารในตัว และตะเข็บบนพื้นผิวต่างๆ ในห้องโดยสารที่ใช้ด้ายสีแดง น้ำเงิน ขาว อันเป็นสีประจำตัวของบีเอ็มดับเบิลยู M ผู้ขับขี่สามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของตัวรถได้ครบครัน ผ่านชุดอุปกรณ์ BMW Live Cockpit Professional ที่รวมถึงการแสดงข้อมูลสำคัญบนหน้าจอ BMW Head-Up Display ให้ไม่ต้องละสายตาจากถนนด้านหน้า บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังมีระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 รุ่นล่าสุด ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน จึงสามารถควบคุมและตั้งค่าตัวรถได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมให้เรียกใช้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอย่าง Driving Assistant Plus และ Parking Assistant Plus ในพริบตา ขณะที่ฟังก์ชัน BMW Digital Key Plus อำนวยความสะดวกด้วยการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของคุณให้เป็นกุญแจรถ รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ผ่านโทรศัพท์มือถือ Samsung นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกซื้ออัปเกรดเพิ่มเติมผ่านทางระบบ BMW ConnectedDrive ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชัน Remote Engine Start สำหรับสตาร์ทเครื่องล่วงหน้าก่อนเดินถึงตัวรถด้วยสมาร์ทโฟน และชุดฟังก์ชันอื่น ๆ อีกมากมายในแพ็คเกจเสริม BMW Digital Premium
บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ มีขุมพลังที่ยกระดับสมรรถนะเพิ่มขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน
4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ที่มอบพละกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่รอบเครื่อง 1,450-4,500 รอบต่อนาที ทำงานผสานกับเกียร์ Steptronic คลัตช์คู่แบบ 7 สปีดอย่างลงตัว จึงทำให้ซีรีส์ 2 รุ่นใหม่เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 7.3 วินาที หากต้องการเพิ่มความแรงขึ้นไปอีกขั้น ผู้ขับขี่ยังสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน M Sport Boost ได้จากแป้นเปลี่ยนเกียร์บริเวณพวงมาลัย เพื่อเพิ่มแรงบิดสูงสุดให้สูงขึ้นไปอีกสำหรับ
การออกตัวที่ปราดเปรียวอย่างเหนือชั้น ส่วนช่วงล่างแบบ Adaptive M ก็สามารถปรับตัวรับแรงกระแทกที่แตกต่างกันตามความถี่การสั่นสะเทือนของตัวรถ จึงช่วยให้บีเอ็มดับเบิลยู 220 M Sport Pro ใหม่ ตอบโจทย์ทั้งในด้านความคล่องตัวและความนุ่มสบายขณะขับขี่
บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ มีให้เลือกจับจองได้ใน 4 สี ได้แก่ ดำ Black Sapphire Metallic, ขาว Alpine White Solid, เทา Brooklyn Grey Metallic (จับคู่กับเบาะหุ้มวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศ สีแดง Coral Red ตัดดำ) และน้ำเงิน Portimao Blue Metallic (พร้อมเบาะหุ้มวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศ สีดำล้วน)
บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่
ราคา: 2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ ยกระดับการขับขี่สู่ระบบไฟฟ้าล้วน ด้วยดีไซน์ที่ได้รับการปรับแต่งต่างจากบีเอ็มดับเบิลยู X1 ในรุ่นมาตรฐาน และยังเพิ่มพื้นที่ภายในตัวรถให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยตัวรถที่ยาวขึ้นเป็น 4,616 มิลลิเมตร และฐานล้อยาว 2,800 มิลลิเมตร หรือเท่ากับตัวรถยาวกว่า X1 รุ่นมาตรฐาน 116 มิลลิเมตร และฐานล้อยาวขึ้น 110 มิลลิเมตร ขนาดตัวรถที่เพิ่มขึ้นนี้ ผสมผสานกับบุคลิกที่บึกบึนและแข็งแกร่งในแบบของ SAV ได้อย่างลงตัว ทั้งยังโดดเด่นเตะตากว่าที่เคยด้วยกระจังหน้าแบบปิดโฉมใหม่ในทรงสามมิติ เข้าชุดกับไฟหน้า Adaptive LED ที่ทอดยาวไปยังด้านข้างของตัวรถ ส่วนเส้นสายด้านข้างตัวถัง ให้อารมณ์ความสปอร์ตและดุดันตลอดคัน ก่อนเติมความหรูด้วยชุดแต่ง M Sport ที่รวมถึงส่วนกรอบหน้าต่าง high-gloss Shadowline ที่เงาวับ
จับสายตาได้ไม่แพ้ราวหลังคาอลูมิเนียมผิวด้านที่ทอดยาวอยู่ด้านบน และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในดีไซน์ Double-spoke Bicolour
ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ จึงมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ทั้งจากพื้นที่ที่กว้างขึ้น 81 มิลลิเมตรสำหรับการวางขา และ 107 มิลลิเมตรที่ระดับเข่า สำหรับผู้โดยสารเบาะหลัง รวมถึงตัวเบาะหลังที่บุโฟมนุ่มขึ้น พร้อมขยายความกว้างของตัวเบาะขึ้น 15 มิลลิเมตร ยกระดับความสบายในการนั่งได้ยิ่งขึ้น ขณะที่ระบบช่วงล่างก็ผ่านการปรับแต่งมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มความนุ่มสบายบนทุกเส้นทาง เบาะหลังของ iX1 รุ่นฐานล้อยาวนี้ ยังคงแบ่งสัดส่วนเป็น 3 ตอนแบบ 40:20:40 เช่นเดิม และสามารถพับลงได้เพื่อขยายพื้นที่
เก็บสัมภาระจาก 490 ลิตรเป็น 1,600 ลิตร ระบบ Comfort Access 2.0 ที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วยการปลดล็อกรถเมื่อเจ้าของรถเดินเข้ามาใกล้ และล็อกรถอัตโนมัติเมื่อเดินออกห่างตัวรถ เช่นเดียวกับระบบ BMW Digital Key Plus ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของรถใช้สมาร์ทโฟนแทนกุญแจรถ และปลดล็อกรถอัตโนมัติได้เพียงนำสมาร์ทโฟนเข้ามาใกล้ ส่วนหลังคากระจก Panorama Glass Roof ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์นี้ ก็เติมบรรยากาศให้ห้องโดยสารยิ่งรู้สึกโปร่งและโอ่อ่าขึ้นไปอีก
ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ เอาใจผู้ขับขี่ไม่แพ้ผู้โดยสารด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ครบครันจากแพ็คเกจ Driving Assistant Plus และ Parking Assistant Plus (รวมระบบกล้องมองรอบคัน Surround View) พร้อมรองรับการอัปเกรดสู่ Parking Assistant Professional ที่เพิ่มความสามารถในการควบคุมการจอดรถได้ผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และสามารถจดจำรูปแบบการจอดรถอัตโนมัติได้ถึง 10 แบบ รวมระยะทาง 600 เมตร พร้อมด้วยฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถเลือกซื่อเพิ่มเติมได้ผ่าน BMW Connected Drive Store นอกจากนี้ iX1 eDrive20L M Sport ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 รุ่นล่าสุด ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานควบคุมได้ผ่านหน้าจอ Control Display ขนาด 10.7 นิ้ว พร้อมด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้วและ BMW Head-Up Display พร้อมป้อนข้อมูลสำคัญให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบโดยไม่ต้องละสายตาจากเส้นทางข้างหน้า ส่วนชุดเครื่องเสียงไฮเอนด์จาก Harman Kardon พร้อมเติมความรื่นรมย์ให้กับทุกขณะของการเดินทาง
ระบบส่งกำลังแบบไฟฟ้าล้วน เทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 เป็นหัวใจที่ขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ ให้โลดแล่นบนท้องถนนด้วยการตอบสนองที่ฉับไวในทุกจังหวะ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลัง 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ช่วยให้ iX1 รุ่นฐานล้อยาวนี้ใช้เวลาเพียง 8.6 วินาทีในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยขณะขับขี่ ฟังก์ชัน BMW IconicSounds Electric สร้างเสียงเครื่องยนต์แบบจำลองที่ตอบสนองกับทุกการควบคุม ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงขนาด 66.5 kWh มอบพลังงานไฟฟ้าเพียงพอสำหรับการขับขี่เป็นระยะทางสูงสุด 402-433 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ทั้งยังรองรับการชาร์จระบบไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่กำลังไฟสูงสุด
130 กิโลวัตต์ จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 32 นาที และเมื่อชาร์จไฟในระบบกระแสสลับ (AC) iX1 รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับเทคโนโลยี AC Charging Plus ที่รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 กิโลวัตต์ ให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ถึง 100% ได้ในเวลา 6 ชั่วโมง 45 นาที ลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของบีเอ็มดับเบิลยู iX1 ใหม่ ยังสามารถเลือกชาร์จรถจากเครือข่ายสถานีชาร์จ BMW Charging Station ทั้งยังได้รับส่วนลด 20%
เมื่อเติมเงินค่าชาร์จในแอป EVolt
บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ในสีดำ Carbon Black Metallic, ขาว Mineral White Metallic และเทา Skyscraper Grey Metallic โดยทั้งสามสีมาพร้อมกับห้องโดยสารที่หุ้มเบาะด้วยวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศในสีน้ำตาล Mocha
MINI 66 Collection
[ราคาพิเศษ สอบถามเพิ่มเติมในงาน]
MINI 66 Collection ยนตรกรรมรุ่นพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 66 ปีของแบรนด์มินิ มีจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 1 คันเท่านั้น รถรุ่นนี้พัฒนาบนพื้นฐานของ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แต่เพิ่ม
ความพิเศษด้วยการผสานเอกลักษณ์ดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีไฟฟ้าล้ำสมัยตามแบบฉบับ All-Electric MINI
John Cooper Works
ด้านขุมพลัง MINI 66 Collection ถูกพัฒนามาจากรุ่น All-Electric MINI John Cooper Works มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร พร้อมฟังก์ชั่น Electric Boost ที่เพิ่มกำลังอีก 27 แรงม้าขณะออกตัว ทำให้สามารถทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 5.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 200 กม./ชม. ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ให้ระยะทางวิ่งไกลสุด 371 กิโลเมตร
(ตามมาตรฐาน WLTP)
ความโดดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่รายละเอียดการตกแต่งพิเศษ ทั้งล้อแบบ JCW Rallye Spoke ขนาด 18 นิ้ว พร้อม
self-leveling hubcaps ตัวถังสีขาว Nanuq White ตัดด้วยสีแดง JCW’s Signature RED พร้อมลวดลาย “66” และเส้น racing stripes ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง ตลอดจนโลโก้ “Est. 1959 MINI 66 Years” และหลังคากระจกพาโนรามาที่เพิ่มความโปร่งสบายให้ห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสารตกแต่งในโทนสีดำสไตล์ JCW Black Vescin/Cord Combination พร้อมการเดินตะเข็บด้าย
สีแดง เบาะนั่งแบบ John Cooper Works ปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบบันทึกความจำ และระบบเสียงพรีเมียม Harman Kardon ที่ให้คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ
ด้านระบบความปลอดภัย มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยครบครัน ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Active Cruise Control Stop & GO), ระบบเตือนเปลี่ยนเลน (Lane Change Warning), ระบบเตือนรถตัดผ่านขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Warning), กล้องรอบคัน 360 องศา และระบบถอยจอดอัตโนมัติ (Parking Assistant Professional)
MINI 66 Collection จึงไม่เพียงเป็นยนตรกรรมที่สะท้อนประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ แต่ยังเป็นการผสานอดีตเข้ากับอนาคตได้อย่างลงตัว สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของยนตรกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย
มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 ไฮทริม
ราคา: 2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ MSI Standard)
มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 ไฮทริมมาพร้อมกับฟีเจอร์ล้ำสมัยและสเป็คระดับสูงที่ตอบรับกับทุกความต้องการของ
ผู้ขับขี่ยานยนต์ในยุคปัจจุบัน ไล่ตั้งแต่ขุมพลังจากเครื่องยนต์อันทรงพลัง ไล่ไปจนถึงระบบอินโฟเทนเมนท์ชั้นนำของวงการ โดยในทุกองค์ประกอบของมินิ คันทรีแมน ต่างได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่จากยนตรกรรมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่หาจากที่อื่นไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์สวยสะอาดตาซึ่งชนะใจแฟน ๆ มินิในไทยตั้งแต่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2567 ด้วยความโดดเด่นจากเรื่องโครงสร้างตัวรถที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมินิ ทั้งหน้าสั้น ท้ายยาว ฐานล้อที่ยาวขึ้น และกระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยม รุ่นไฮทริมมาพร้อมกับล้อขนาด 19 นิ้วแบบทูโทน ดีไซน์ Kaleido Spoke ด้านเครื่องยนต์และสมรรถนะ มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 ไฮทริม ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี TwinPower Turbo ที่แฟน ๆ มินิรู้จักและคุ้นเคย ส่งกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้า และแรงบิด 300 นิวตันเมตรลงสู่ล้อทั้งสี่ผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 มอบสมรรถนะและความคล่องตัวระดับเดียวกัน ด้วยอัตราการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 7.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 228 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สำหรับชุดแต่งภายนอก ติดตั้งไฟหน้า LED พร้อมระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ เช่นเดียวกับฝาครอบกระจกข้างสีดำ และรางสำหรับขนสัมภาระบนหลังคารถ สำหรับรุ่นไฮทริมโดดเด่นกว่าด้วยบรรยากาศที่แตกต่างในห้องโดยสาร เปิดรับสภาพแวดล้อมภายนอกผ่านหลังคากระจกแบบพาโนรามา และยังยกระดับความหรูหราภายในไปอีกขั้น ด้วยเบาะนั่งสไตล์สปอร์ตแบบ John Cooper Works เพดานห้องโดยสารมาดขรึมในสีดำ Anthracite และระบบเสียงเซอร์ราวด์จาก Harman Kardon โดยในรุ่น Hightrim ใช้หนัง Vescin ล้วนโทนสีน้ำตาล Vintage Brown และ
ดำ Dark Petrol
มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 ไฮทริม มอบความมั่นใจบนทุกเส้นทางด้วยตัวช่วยครบครันสำหรับการขับขี่และเข้าจอด ทั้ง Dynamic Stability Control (DSC), Dynamic Brake Control (DBC), Park Distance Control (PDC) ระบบแจ้งเตือนการชนหลังเกิดอุบัติเหตุ และอื่น ๆ อีกมากมาย
มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 ไฮทริม มีให้เลือก 6 สีด้วยกัน ได้แก่ น้ำเงิน Slate Blue, เขียว Smokey Green, น้ำเงิน Blazing Blue, ขาว Nanuq White, เงิน Melting Silver และแดง Chili Red II
บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT
ราคาจำหน่าย: 1,390,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับสี Triple Black และสี Racing Blue Metallic
1,490,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับ Option 719 Mineral White Metallic


บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT มอเตอร์ไซค์ทัวริ่งที่มาพร้อมสมรรถนะเครื่องยนต์ทรงพลัง ผสานเข้ากับ
ความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกลไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมสร้างประสบการณ์สุดประทับใจให้แก่
เหล่าไบค์เกอร์บนทุกเส้นทาง มาพร้อมเครื่องยนต์บ็อกเซอร์อันเป็นเอกลักษณ์ระดับตำนานของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สั่งจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบฟอกไอเสียแบบ closed-loop ชนิด 3 ทาง จึงพร้อมส่งแรงบิดเต็มกำลัง ขณะที่เทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผันใหม่ BMW ShiftCam ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องยนต์
ก็ยังเสริมความแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบเหนือชั้นและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศและของเหลว ขนาด 1,254 ซีซี ที่ได้รับการยกระดับให้สามารถส่งพละกำลังและแรงบิดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถโลดแล่นได้อย่างราบรื่นแม้ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ส่งกำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ / 136 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 143 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบต่อนาที เครื่องยนต์บ็อกเซอร์รุ่นใหม่นี้ยังโดดเด่นด้วยระบบไอเสียที่สามารถปล่อยมลพิษน้อยลง และประหยัดเชื้อเพลิง เติมเต็มสมรรถนะเครื่องยนต์ด้วยเทคโนโลยี BMW ShiftCam ที่เสริมความสมดุลของเพลาลูกเบี้ยวและจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ เพลาลูกเบี้ยวยังเปลี่ยนมาขับเคลื่อนด้วยห่วงโซ่ฟันแทนโซ่ส่งกำลังแบบเดิม ส่วนระบบหัวฉีดคู่และระบบไอเสียใหม่ ผ่านการรับรองมาตรฐานยูโร 5 ที่เน้นประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศ
บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลายสำหรับความต้องการที่แตกต่างของนักบิด โดยมาพร้อมโหมดใหม่ล่าสุด “Eco” ที่ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าที่เคย รวมถึงโหมด Rain, Road และ Riding Modes Pro ที่เพิ่มโหมดการขับขี่แบบโปร คือ Dynamic, Dynamic Pro และระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (Hill Start Control Pro) เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วย ระบบ Dynamic Traction Control และ Full Integral ABS Pro ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับระบบ Dynamic Brake Control (DBC) ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) และระบบช่วงล่างที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า หรือ Dynamic ESA นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ Dynamic Cruise Control (DCC) ร่วมกับ Active Cruise Control (ACC) ที่ช่วยควบคุมความเร็วคงที่ และยังสามารถรักษาระยะห่างจากคันหน้าได้อัตโนมัติ

ดีไซน์ของบีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT เน้นองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Adaptive ปรับทิศทางตามองศาเลี้ยว ระบบความบันเทิงล้ำสมัยด้วยหน้าจอ TFT แบบสีขนาด 10.25 นิ้ว แสดงผลระบบนำทางได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และช่องวางโทรศัพท์ที่สามารถป้องกันละอองน้ำ มีพัดลมระบายความร้อนในตัว และช่องเสียบ USB ผู้ขับขี่ยังสามารถเพลิดเพลินกับทุกการเดินทางด้วยระบบเสียง Audio System 2.0 มอบความบันเทิงที่เต็มอรรถรสยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 RT มาให้เลือกในสามสีสามสไตล์ ได้แก่ สีดำ Triple Black สีน้ำเงิน Racing Blue Metallic และสีขาว Option 719 ผสานตัวถังในสีสุดพิเศษ Mineral white metallic ที่เพิ่มความเงางามด้วยสีขาวเมทาลิกตัดกับล้อในสี White Aluminium แบบด้าน คาลิเปอร์เบรกสีทอง และองค์ประกอบสีดำอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว มาพร้อมอุปกรณ์แต่งในแบบฉบับ Option 719 ได้แก่ ฝาครอบเครื่องยนต์พรีเมียมเสริมความโดดเด่นในสีเงิน เบาะนั่งมาในสีน้ำตาลเติมลูกเล่นด้วยลวดลายและการบุตะเข็บอย่างปราณีต สะท้อนถึงความหรูหราคลาสสิกของชุดแต่ง Option 719
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS Style Passion
ราคาจำหน่าย: 649,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS Style GS Trophy
ราคาจำหน่าย: 665,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
หัวใจสำคัญของ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS คือเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดเป็น 2 สูบแถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 895 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 77 กิโลวัตต์ / 105 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 93
นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที เครื่องยนต์นี้ส่งมอบอัตราเร่งที่รวดเร็วและการส่งกำลังที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกสภาพพื้นผิว และด้วยน้ำหนักที่ลดลงไปถึง 14 กิโลกรัมหากเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้ F 900 GS เป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์ GS สปอร์ตที่คล่องตัวที่สุด
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS มาพร้อมกับโหมดการขับขี่มาตรฐานสองแบบ ได้แก่ ‘Rain’ และ ‘Road’ เพื่อการควบคุมที่เหมาะสมที่สุดในสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และ ABS Pro ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการเข้าโค้งและการเบรก โหมด ‘Riding Modes Pro’ ที่เป็นอุปกรณ์เสริมจะเพิ่มโหมด ‘Dynamic’, ‘Enduro’ และ ‘Enduro Pro’ ซึ่งจะปรับการตอบสนองของคันเร่งและการเบรกให้รับกับทุกสภาพพื้นผิว นอกจากนี้ Riding Modes Pro ยังช่วยให้คนขับขี่สามารถเลือกตั้งค่าปุ่มต่าง ๆ ที่แฮนด์ด้านขวา และการควบคุมแรงบิดลากของเครื่องยนต์เป็นอีกองค์ประกอบใหม่ของ Riding Modes Pro ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน
มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ได้รับการออกแบบโครงรถใหม่ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่แบบทัวริ่งและออฟโรด ถังน้ำมันขนาด 14.5 ลิตรที่ออกแบบใหม่ ผนวกกับการปรับส่วนท้ายรถและท่อไอเสียแบบ Akrapovič ช่วยลดน้ำหนักลง เพิ่มความคล่องตัวได้มากยิ่งขึ้น การปรับแต่งที่พักเท้าที่ต่ำลงและแฮนด์บาร์ที่สูงขึ้น ช่วยควบคุมระหว่างการขับขี่แบบออฟโรด และยังมีสวิงอาร์มที่น้ำหนักเบาขึ้น ตัวลดเสียงท่อไอเสียด้านหลังแบบสปอร์ตโดย Akrapovič ที่พักเท้าแบบเอนดูโร แฮนด์จับแบบอุ่น (heated grips) ขาตั้งข้างอะลูมิเนียม และไฟหน้า LED แบบใหม่ที่ให้แสงสว่างในมุมที่กว้างขึ้นเมื่อเปิดโหมดไฟต่ำอีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ตั้งแต่จอแสดงผลแบบ TFT ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ที่ให้การควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง ควบคุมเพลง หรือรับสาย ผู้ขับขี่ก็สามารถทำได้อย่างราบรื่นผ่านแอปพลิเคชัน BMW Motorrad Connected และยังมีพอร์ตชาร์จ USB สองพอร์ต ช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ มีพลังงานเพียงพอใช้งานระหว่างการขับขี่ทางไกล นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS ยังมาพร้อมกับแท่นยึดอุปกรณ์อเนกประสงค์ ช่วยให้นักขับขี่สามารถติดตั้งอุปกรณ์นำทาง กล้อง และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ และยังมีฟีเจอร์ด้านความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นให้ผู้ขับขี่เลือกใช้งาน เช่น Keyless Ride ช่วยให้สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์และปลดล็อคฟังก์ชันต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจออกจากกระเป๋า
ที่สำคัญกว่านั้น มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมากมาย อาทิ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ช่วยให้สตาร์ทรถบนทางชันได้ง่ายขึ้น ระบบ Dynamic Brake Control (DBC) ป้องกันการเร่งเครื่องโดยไม่ได้ตั้งใจในสถานการณ์เบรกฉุกเฉิน ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ABS Pro มอบความปลอดภัยยิ่งขึ้นในระหว่างการเข้าโค้งและการเบรกกะทันหัน เพื่อให้มั่นใจในการขับขี่ที่ปลอดภัยสูงสุดสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด F 900 GS มีให้เลือก 2 สีที่ต่างเน้นย้ำถึงความสปอร์ตและการขับขี่แบบออฟโรด ได้แก่
สีเหลือง São Paulo สำหรับรุ่น Passion และสีขาวตัดฟ้า Lightwhite / Racing Blue Metallic สำหรับรุ่น GS Trophy