วันศุกร์, สิงหาคม 8, 2025
spot_imgspot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกAuto NewsBDMS Wellness Clinic ต่อยอดพันธกิจสุขภาพดีเพื่อชาวสิงคโปร์ ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้าน Proactive Healthcare ย้ำบทบาทไทยสู่ Global Wellness Hub ณ...

BDMS Wellness Clinic ต่อยอดพันธกิจสุขภาพดีเพื่อชาวสิงคโปร์ ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้าน Proactive Healthcare ย้ำบทบาทไทยสู่ Global Wellness Hub ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำสิงคโปร์

-

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 8 สิงหาคม 2568 – บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันในเครือบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS นำโดย นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ได้รับเกียรติจาก สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำสิงคโปร์ เข้าร่วมมอบความรู้ด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันในงาน Enhancing Thailand: A Journey of Culture & Connectivity จัดโดย Singapore Chinese Chamber of Commerce & Industry หรือ SCCCI คณะกรรมการของกลุ่มนักธุรกิจสตรี (Career Women’s Group – CWG) ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายทางธุรกิจภายใต้หอการค้าและอุตสาหกรรมจีนของสิงคโปร์ (Singapore Chinese Chamber of Commerce & Industry – SCCCI) ชูแนวคิด Wellness Hub Thailand ดัน Soft Power เพื่อการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันไทย โดยเฉพาะในผู้หญิงยุคใหม่ ที่ต้องเผชิญบทบาทหลากหลาย การดูแลสุขภาพจึงไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่คือพลังที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศและระดับโลก โดยมี นางอุรีรัชต์ เจริญโต เอกอัครราชทูต สิงคโปร์ ดร. Hwang Yee Cheau, Chairperson, Career Women’s Group SCCCI คุณ Rachel Sim, Committee Member Career Women’s Group, SCCCI and Director of V3 Group และแขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงาน สถานเอกอัครราชทูต ประเทศสิงคโปร์

Wellness & FemTech พลิกโฉมโลกยุค 5.0: เพราะผู้หญิงคือผู้นำแห่งอนาคต เสริมพลังสุขภาพและแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันแก่ผู้หญิง

ในโลกยุค 5.0 ที่เทคโนโลยีและการแพทย์พัฒนาอย่างรวดเร็ว บทบาทของ “ผู้หญิง” ในฐานะผู้นำด้านสุขภาพได้กลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืน สุขภาพของผู้หญิงในวันนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องส่วนบุคคลอีกต่อไป หากแต่เป็น “หัวใจของความมั่นคง” ทั้งในระดับครอบครัว เศรษฐกิจ และโครงสร้างทางสังคมโดยรวม

ประเทศสิงคโปร์ ถือเป็นหนึ่งในผู้นำของภูมิภาคเอเชียที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพของผู้หญิงอย่างรอบด้าน ผ่านนโยบายสาธารณสุขที่ชัดเจน การสนับสนุนองค์ความรู้ด้านเวชศาสตร์ป้องกัน รวมถึงการลงทุนใน เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผู้หญิง (FemTech) ซึ่งกำลังกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ระดับโลกที่มาแรงในยุค 5.0

ทั้งนี้ FemTech ไม่ได้หมายถึงแค่เทคโนโลยีเพื่อการรักษาโรคในผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพฮอร์โมน การดูแลสุขภาพจิต การตั้งครรภ์ การนอนหลับ และการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งล้วนเป็นมิติสำคัญของการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว และเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเท่าเทียม ความมั่นคง และอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับผู้หญิงในทุกบทบาท 

ด้วยเหตุนี้ BDMS Wellness Clinic นำโดย นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) จึงได้รับเกียรติจากสถานเอกอัครราชทูต ณ ประเทศสิงคโปร์ มอบความรู้ด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้กับชาวสิงคโปร์ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านในงาน Enhancing Thailand: A Journey of Culture & Connectivity จัดโดย SCCCI โดยมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันภายใต้หลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต และหลัก Scientific Wellness ที่มีพื้นฐานจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยให้บุคคลสามารถเข้าใจร่างกายของตนเองอย่างลึกซึ้งและปรับพฤติกรรมเพื่อการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว โดยได้รับเกียรติจาก นางอุรีรัชต์ เจริญโต เอกอัครราชทูตไทย สิงคโปร์ กล่าวต้อนรับและเปิดงาน พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายภาคส่วนในสิงคโปร์ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมอย่างคับคั่ง 

สิงคโปร์กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบในปี .. 2041 – เมื่อการดูแลสุขภาพเชิงรุกคือคำตอบของความมั่นคงในอนาคต

เมื่อโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ “Aging Society” อย่างสมบูรณ์แบบประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีและระบบสุขภาพอย่างสิงคโปร์ก็กำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโครงสร้างประชากรโดยสำนักงานสถิติของสิงคโปร์คาดการณ์ว่าในปีค.ศ. 2041 กว่า 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมดจะมีอายุ 60 ปีขึ้นไปการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society) นั้นไม่ได้เป็นเพียงความท้าทายด้านสาธารณสุขแต่ยังเป็นประเด็นสำคัญเชิงเศรษฐกิจและนโยบายระยะยาวที่ต้องอาศัยการปรับตัวในระดับโครงสร้างและคำตอบสำคัญของการเตรียมความพร้อมในครั้งนี้คือ “การดูแลสุขภาพเชิงรุก” หรือ Proactive & Preventive Healthcare 

หนึ่งในสิ่งที่ท้าทายสำหรับสังคมผู้สูงอายุ คือโรคติดต่อไม่เรื้อรัง หรือ NCDs (Non-Communicable Diseases) โดยจากงานวิจัยขององค์การอนามัยโลก (WHO – World Health Organization) ในปี .. 2022 เผยว่า ประชากรชาวสิงคโปร์กว่า 75% เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คิดเป็น 20,100 รายต่อปี หรือ 2.3 รายต่อชั่วโมง โดยมีสาเหตุหลักจาก โรคมะเร็ง โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคความดันโลหิตสูง รวมไปถึงภาวะความดันโลหิตสูงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจด้วย นอกจากนี้ อีกหนึ่งเรื่องที่น่ากังวลในประเทศสิงคโปร์คือ อัตราการเกิดโรคอ้วนในประชาชน ซึ่งจากรายงานล่าสุดพบว่า ประชากรในประเทศสิงคโปร์กว่า 42% หรือ 2,437,680 ราย มีภาวะอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน  ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและปัญหาสุขภาพในภายหลัง ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าการดูแลสุขภาพเชิงรุกและเวชศาสตร์ป้องกัน ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นหัวใจของการสร้างสังคมสุขภาพดีที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบอย่างสิงคโปร์นายแพทย์ตนุพลกล่าว 

นอกจากนี้ นายแพทย์ตนุพลยังได้เปิดเผยว่า คนที่กำลังเผชิญกับภาวะน้ำหนักเกิน ส่งผลให้เกิดการหดสั้นของเทโลเมียร์ โดยการหดสั้นของเทโลเมียร์ในผู้ที่มีภาวะอ้วนเทียบเท่ากับอายุขัยที่ลดลงถึง 8.8 ปี หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ เซลล์ในร่างกายแก่กว่าอายุจริงเฉลี่ยเกือบทศวรรษ ซึ่งนับเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่นเดียวกัน

จากข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการดูแลสุขภาพเชิงรุกและเวชศาสตร์ป้องกันคือกุญแจสำคัญในการรับมือกับสังคมผู้สูงวัยที่กำลังจะมาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะในประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีและการแพทย์อย่างสิงคโปร์การยกระดับความรู้ความเข้าใจและการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เน้นการป้องกันก่อนเกิดโรคจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งในเชิงสุขภาพเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชากรในระยะยาว

ศาสตร์ Retreat วิถีไทย ผสาน Scientific Wellness: หัวใจหลัก Soft Power ด้านสุขภาพที่โลกกำลังมองหา 

สำหรับนายแพทย์ตนุพลวิสัยทัศน์ด้านสุขภาพไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นแพทย์ผู้ส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้กับผู้คนทั่วโลกเท่านั้นแต่ยังรวมถึงความมุ่งมั่นในการผลักดัน “ประเทศไทย” ให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพระดับโลก (Global Wellness Destination) ด้วยอัตลักษณ์ความเป็นไทยอันทรงคุณค่า

โดยประเทศไทยมีทุนทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นอย่างยิ่งในด้าน Retreat & Wellness ด้วยศาสตร์แห่งการเยียวยาแบบองค์รวมที่สืบทอดกันมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็น การนวดแผนไทย สมุนไพรไทย อาหารไทยเพื่อสุขภาพ ศาสตร์ธรรมชาติบำบัดต่าง ๆ  ที่มุ่งเน้นการผ่อนคลายทั้งกายและจิตใจ วิถีเหล่านี้ล้วนถ่ายทอดความละเมียดละไมของวัฒนธรรมไทย ที่เชื่อมโยงสุขภาพเข้ากับวิถีชีวิตอย่างกลมกลืน อย่างไรก็ตาม ความพิเศษที่ทำให้ “ศาสตร์สุขภาพแบบไทย” ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ คือการนำมาผสานเข้ากับ ศาสตร์แห่ง Scientific Wellness และเทคโนโลยีการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานสากลในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพเชิงลึกในระดับเซลล์ เช่น การตรวจเทโลเมียร์ การตรวจ Epigenetics  การตรวจสมดุลวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และฮอร์โมน พร้อมทั้งการวางแผนดูแลสุขภาพตามหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต ภายใต้แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน 

การหลอมรวมระหว่างภูมิปัญญาไทยและ  วิทยาศาสตร์สุขภาพสมัยใหม่จึงไม่ใช่เพียงกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ หากแต่คือ หัวใจของ Soft Power ด้านสุขภาพที่ทรงพลัง สร้างมูลค่าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้อย่างยั่งยืน พร้อมปลุกแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกหันกลับมาดูแลตนเองอย่างลึกซึ้งทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณนายแพทย์ตนุพล กล่าวปิดท้าย 

- Advertisment -

Must Read