วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 7, 2025
spot_img
หน้าแรกAuto News“CEO’s Playbook for the Next Energy S-Curve” CEO กลุ่มบริษัทบางจากเปิดวิสัยทัศน์ผู้นำพลังงานแห่งอนาคต บนเวที Techsauce...

“CEO’s Playbook for the Next Energy S-Curve” CEO กลุ่มบริษัทบางจากเปิดวิสัยทัศน์ผู้นำพลังงานแห่งอนาคต บนเวที Techsauce Global Summit 2025

-

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับเชิญสะท้อนวิสัยทัศน์ในการสนทนา Fireside Chat หัวข้อ “CEO’s Playbook for the Next Energy S‑Curve” บนเวทีหลักของงาน Techsauce Global Summit 2025 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Dawn of Symbiosis” หรือการอยู่ร่วมและเติบโตไปด้วยกันระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้นำธุรกิจจากทั่วโลกให้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยมี ดร. ณัฐวุฒิ กุลนิเทศ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADGES เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายชัยวัฒน์ได้สะท้อนถึงเส้นทางของบริษัทฯ ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2527 จากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน จนสามารถต่อยอดสู่กลุ่มธุรกิจพลังงานครบวงจรใน 5 ธุรกิจหลัก ดำเนินงานใน 11 ประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน ผ่านการยึดหลัก “Double Bottom Line” หรือการเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นรากฐาน
ที่วางไว้ตั้งแต่ผู้บริหารในยุคเริ่มต้น ซึ่งยังคงเป็นแนวคิดที่บริษัทฯ ยึดมั่นมาโดยตลอด มีการน้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
โดยได้รับรางวัลพระราชทานเมื่อปี 2554 ในฐานะองค์กรที่สามารถนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้กับการบริหารงานยุคใหม่ได้อย่างเป็นรูปธรรม

แม้บางจากฯ จะเป็นองค์กรที่มีข้อจำกัดด้วยการเป็นโรงกลั่นน้ำมันที่ต้องพึ่งพาพลังงานฟอสซิลเพียง
อย่างเดียว แต่ก็ได้ใช้ข้อจำกัดเหล่านั้นเป็นจุดตั้งต้นในการสร้างโอกาสใหม่ ๆ เช่น การขยายสู่ธุรกิจตลาดค้าปลีก น้ำมัน โดยร่วมกับสหกรณ์การเกษตรจัดตั้งสถานีบริการน้ำมันหรือปั๊มชุมชน ไปจนถึงการเป็นผู้บุกเบิกและผู้นำพลังงานทดแทน กระทั่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาภายใต้การนำของนายชัยวัฒน์ บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์พลังงาน เช่น การพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ การลงทุนในพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและสหรัฐอเมริกา การกระจายความเสี่ยงและเสริมความแข็งแกร่งผ่านการลงทุนในธุรกิจต้นน้ำในประเทศนอร์เวย์ รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับพลังงานแห่งอนาคต ผ่านการลงทุนในเหมืองแร่ลิเทียมในอาร์เจนตินา และระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งนำมาสู่การได้รับการยอมรับในฐานะกลุ่มบริษัทพลังงานชั้นนำระดับภูมิภาคในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังได้ย้ำถึงการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ว่าหากเป็นเพียงภาพลักษณ์ที่แยกจากธุรกิจหลักก็อาจเลือนหายไปเมื่อองค์กรเผชิญภาวะขาดทุน แต่หากสามารถออกแบบโมเดลธุรกิจที่สร้างรายได้ควบคู่ไปกับการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมและสังคม จะสามารถสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริงให้กับทั้งองค์กรและโลกได้ในระยะยาว ซึ่งบางจากฯ ได้นำแนวคิดดังกล่าวมาปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง

เมื่อได้รับคำถามว่าองค์กรจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างไร นายชัยวัฒน์ได้ยกตัวอย่าง
การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยชี้ให้เห็นว่า แม้โลกจะมุ่งสู่พลังงานสะอาด แต่ในความเป็นจริง แหล่งพลังงานกับพื้นที่ที่มีความต้องการใช้พลังงานจำนวนมากมักตั้งอยู่ห่างไกลกัน ทำให้พลังงานในรูปแบบของเหลวยังคงมีบทบาทสำคัญ ด้วยคุณสมบัติในการกักเก็บและขนส่งได้สะดวก มีความหนาแน่นของพลังงานสูง ขณะที่พลังงานหมุนเวียนในรูปของไฟฟ้ายังต้องพึ่งพาโครงข่ายสายส่ง ซึ่งมีข้อจำกัดทั้งทางภูมิประเทศ เทคโนโลยี และต้นทุน โดยมีการประเมินว่าหากจะเชื่อมโยงระบบพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกอย่างครอบคลุม อาจต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 370 ล้านล้านบาท บางจากฯ จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานคาร์บอนต่ำในรูปของของเหลว ซึ่งสามารถแปรรูปต่อยอดเป็น e-fuels หรือ synthetic fuels เพื่อสนับสนุนการลดคาร์บอนของโลก

สำหรับองค์กรที่จะอยู่รอดและปรับตัวให้ทันกับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ธุรกิจต้องมุ่งสู่การเป็น “Best in Class” ด้วยการดำเนินงานที่กระชับ มีประสิทธิภาพ มุ่งสร้างผลกำไรอย่างเหมาะสม ควบคู่กับความยั่งยืน โดยไม่เพียงพัฒนาเฉพาะนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง หากแต่ต้องออกแบบระบบธุรกิจทั้งห่วงโซ่ให้ “ใช้ให้น้อย – ได้ให้มาก – และยั่งยืนได้นาน” เช่น ผลิตภัณฑ์ LCAF (Lower Carbon Aviation Fuel) ซึ่งสามารถ
ใช้งานร่วมกับระบบปัจจุบันได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์หรือโครงสร้างพื้นฐานด้านการเติมเชื้อเพลิง นับเป็นตัวอย่างของการสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพทางธุรกิจและการลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกัน บางจากฯ ยังมุ่งพัฒนาพลังงานคาร์บอนต่ำที่พร้อมใช้งานในภาคขนส่ง ได้แก่ SAF, HVO และ B24 Marine Biofuels เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานที่สะอาดและยั่งยืน ทั้งในมิติของอากาศ บก และน้ำ  นอกจากนี้ ยังต้องมองให้ไกล รู้เท่าทันโลก และเตรียมพร้อมต่อโอกาสใหม่อยู่เสมอ ดังเช่นการตัดสินใจลงทุน
ในเหมืองแร่ลิเทียมเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ก่อนที่โลกจะตื่นตัวกับยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการติดตามเทคโนโลยีพลังงานแห่งอนาคตจากระยะที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นแอมโมเนียสีเขียว เทคโนโลยี SMR หรือเทคโนโลยีฟิวชัน ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถก้าวทันในวันที่โอกาสมาถึง และได้ฝากมุมมองไว้ว่า ธุรกิจจะดำรงอยู่ได้ในระยะยาว จะต้องมีความยืดหยุ่นและความแกร่ง ยืนหยัดอยู่ให้ได้เป็นรายสุดท้าย พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนความยั่งยืนของโลกและสร้างผลกำไรควบคู่กันไป

ทั้งนี้ ในการจัดงาน Techsauce Global Summit 2025 กลุ่มบริษัทบางจากร่วมสนับสนุนเครื่องดื่มอินทนิล และประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์และชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิตผ่าน Carbon Markets Club เพื่อให้การจัดงานดังกล่าวเป็น carbon neutral event

- Advertisment -

Must Read