- โครงการ Dusit Central Park ยกระดับการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสระดับโลก ด้วยแนวคิด Biophilic Design อย่างจริงจังและลึกซึ้ง โดยออกแบบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน พร้อมเปิดตัว Thailand’s Largest Urban Roof Park – สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) สู่การใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติที่ผสานกับเมืองอย่างไร้รอยต่อ
- สร้างระบบนิเวศใจกลางเมืองของ “คน – ธรรมชาติ – สิ่งมีชีวิต” เชื่อมโยงไลฟ์สไตล์ “Live – Stay – Play – Shop – Work” สู่บริบทความบาลานซ์ในการใช้ชีวิตของสังคมเมือง เพิ่มโอกาสใกล้ชิดธรรมชาติ ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ลด “ภาวะขาดธรรมชาติ” หรือ Nature Deficit Disorder (NDD)
กรุงเทพฯ (1 สิงหาคม 2568) – บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนา Dusit Central Park โครงการมิกซ์ยูสระดับโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Here for Bangkok และผู้พัฒนา The Residences at Dusit Central Park โครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ที่ดีที่สุดใน Super Core CBD ดึงแนวคิด Biophilia สู่การออกแบบดีไซน์ Roof Park สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จุดยุทธศาสตร์สำคัญเชื่อมต่อ 4 องค์ประกอบโครงการ ทั้ง โรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้าและสำนักงาน พื้นที่ที่เพิ่มโอกาสให้สังคมเมืองใกล้ชิดธรรมชาติ สร้างสัมพันธ์ของ “คน – ธรรมชาติ – สิ่งมีชีวิต” ลด “ภาวะขาดธรรมชาติ” หรือ Nature Deficit Disorder (NDD) พร้อมยกระดับพื้นที่สีเขียวด้วยเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตและความยั่งยืน ให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองคุณภาพ เต็มไปด้วยความสุขและเติบโตในระดับโลก
คุณละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด กล่าวว่า “พลังขับเคลื่อนในการก่อสร้างโครงการ Dusit Central Park นั้น คือ ปณิธานของเราที่ต้องการยกระดับพื้นที่เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สังคมและคนไทย ให้มีพื้นที่สีเขียวที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ร่วมกันได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในมิติทางด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ (Ecosystem) นำไปสู่การยกระดับของระบบนิเวศเมือง (Urban Ecology) ที่ทำให้กรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียวที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น สร้างแรงกระเพื่อมต่อไปยังสังคมในการตระหนักถึงความสำคัญ และประโยชน์ของพื้นที่สีเขียวที่ควรได้รับการอนุรักษ์ไว้ โดยนำมุมมองเรื่อง Sustainability Design และ Ecosystem มาเป็นตัวกำหนดแนวทาง โดยเฉพาะพื้นที่ Roof Park ที่ผสานแนวคิด Biophilia ซึ่งแปลว่า กัลยาณมิตรกับธรรมชาติ “อีริค ฟรอมม์ (Erich Fromm) ได้ให้กำเนิดแนวคิด Biophillia ขึ้น และต่อยอดเป็นทฤษฎีไบโอฟิเลีย (Biophilia Hypothesis) โดย เอ็ดเวิร์ด โอ. วิลสัน ในปี ค.ศ. 1984* ในเวลาต่อมา ซึ่งกล่าวว่า ความผูกพันลึกซึ้งระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องทางจิตวิทยาเท่านั้น แต่ยังฝังรากลึกอยู่ใน DNA ของเราอีกด้วย การเชื่อมโยงกับธรรมชาติจึงมีความสำคัญต่อสุขภาวะของมนุษย์ และการห่างเหินจากธรรมชาตินำไปสู่ผลกระทบด้านลบทั้งทางจิตใจและอารมณ์” มาเชื่อมโยงสร้างสมดุลระหว่าง “คน – ธรรมชาติ – สิ่งมีชีวิต” เพื่อลด “ภาวะขาดธรรมชาติ” หรือ Nature Deficit Disorder (NDD)** ในสังคมเมือง”
จาก ข้อมูลองค์การอนามัยโลก (WHO)*** ระบุไว้ว่าตามหลักเกณฑ์ของเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ควรมีพื้นที่สีเขียวขั้นต่ำต่อคนคือ 9 ตารางเมตร หรือมาตรฐานในอุดมคติคือควรมีพื้นที่สีเขียวอยู่ที่ 50 ตารางเมตรต่อคน โดยพื้นที่สีเขียวที่นำมาคำนวณจะต้องเป็นพื้นที่ที่ประชาชนสามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจและสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอว่าสังคมเมืองระดับย่านควรมีพื้นที่สีเขียวกระจายอยู่ในระยะการเดินเท้าทุก ๆ 300 – 500 เมตร ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่สีเขียวในชุมชนมากขึ้น อย่าง โครงการ Nature Ways ประเทศสิงคโปร์**** ที่ได้พัฒนาระบบถนนที่ปลูกต้นไม้และพุ่มไม้เพราะต้องการลดอุณหภูมิในอากาศ เพิ่มแหล่งที่อยู่อาศัยสำหรับสิ่งมีชีวิต และช่วยลดมลพิษทางอากาศ ทำให้สิงคโปร์ติดอันดับ 2 ในดัชนี Green View Index ของ Treepedia ซึ่งใช้ชี้วัดความหนาแน่นของต้นไม้ในเมือง
คุณละเอียด กล่าวเสริมว่า “เราได้นำกรณีศึกษาเชิงบวกภายใต้แนวคิด Biophilia ที่มีผลต่อการทำงานอ้างอิงจาก การศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด***** พบว่า ผู้ที่อยู่อาศัยภายในอาคารที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED ทั้งวัสดุที่มีพื้นผิวตามธรรมชาติ หรือทัศนียภาพของพื้นที่สีเขียว ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการทำงาน สามารถสร้างมิติสัมพันธ์ในการบริหารจัดการ ทั้งการแก้ไขปัญหา การให้เหตุผล และการวางแผนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเราได้บทสรุปจากการศึกษาและนำมาวางแผนขยายขอบเขตพื้นที่สีเขียวให้เข้ามาในพื้นที่อาคารเพื่อให้ลูกบ้านของโครงการ แขกของโรงแรม ผู้ที่เข้ามาช้อปปิ้ง และพนักงานออฟฟิศ สามารถเข้าถึงและสัมผัสกับธรรมชาติได้ทุกเวลาที่ต้องการ เพื่อลดความเครียดที่เกิดการจากทำงานและไลฟ์สไตล์ โดยร่วมกับนักออกแบบผู้เชี่ยวชาญ นำเอา “Biophilic Design” เข้ามาใช้ในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ผ่านองค์ประกอบของงานสถาปัตยกรรมที่นำเอารูปร่าง ลวดลาย พื้นผิวของธรรมชาติ ภูมิทัศน์สีเขียว วัสดุธรรมชาติ และองค์ประกอบของน้ำ มาใช้ร่วมกันเพื่อทำให้เกิดสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ช่วยควบคุมอุณหภูมิในพื้นที่โดยให้ความเย็นตามธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในสภาพอากาศร้อนของกรุงเทพฯ โดยองค์ประกอบเหล่านี้ช่วยเสริมประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติได้ลึกซึ้ง แม้อยู่ใจกลางเมือง”
สำหรับประเทศไทย เรากำลังนำเสนอ Thailand’s Largest Urban Roof Park สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาดพื้นที่สีเขียว 7 ไร่ (11,200 ตร.ม.) ให้กลายเป็นสวนลอยฟ้าสำหรับคนเมือง มอบทัศนียภาพสีเขียวแบบ Extended Park View ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนเนินเขา มุมมองที่เชื่อมต่อกับสวนลุมพินีอย่างกลมกลืน นับเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในกรุงเทพมหานคร ที่สามารถรวมทัศนียภาพของสวนลอยฟ้าและสวนลุมพินีเข้าด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ พร้อมยกระดับให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นผ่านการผสานหลักการออกแบบที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับธรรมชาติเข้ากับหลักการของระบบนิเวศ (Ecosystem Principles) ซึ่งเป็นระบบของสิ่งมีชีวิตที่มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทั้งพืช สิ่งมีชีวิต จุลินทรีย์ ที่ทำงานร่วมกับน้ำ ดิน และอากาศ เพื่อรักษาความสมดุลของโลก ผ่านการคัดสรรพรรณไม้ไทยแท้ 100% ที่ช่วยดักฝุ่นพร้อมดึงดูดแมลงที่มีประโยชน์และสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย รวมถึงการสร้างน้ำตก ทำให้พื้นที่แห่งนี้สามารถเสริมสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงคุณภาพอากาศ ช่วยลดอุณหภูมิในพื้นที่ และบรรเทาปรากฏการณ์เกาะความร้อนในเมือง (Urban Heat Island Effect) ผ่านการดูดซับและกักเก็บน้ำฝน พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนมาใช้งาน อาทิ ระบบ HVAC Optimisation และระบบ Lighting Control ที่ทำงานด้วยมอนิเตอร์ตรวจจับอัตโนมัติ MEP เพื่อให้ปรับไปตามสภาพแวดล้อมภายในอาคารและสภาพแวดล้อมภายนอก ระบบ Solor Roof ระบบ Water Management และ Water Treatment บำบัดน้ำเสียภายในโครงการให้กลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น
“เพราะเราเล็งเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนเมืองกรุงเทพฯ เราจึงมุ่งมั่นสร้างพื้นที่สีเขียว ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางระบบนิเวศที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ความต้องการของธรรมชาติ แต่ยังเชื่อมโยงมนุษย์กับธรรมชาติ เพื่อให้คนทุกเพศ ทุกวัย สามารถดำเนินชีวิตในเมืองอย่างสมดุล และเข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งโซน Food Passage ที่เต็มไปด้วยมีร้านอาหารชื่อดังที่เหมาะสำหรับการรับประทานอาหาร โซน Bird Nest จุดที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของเมืองกรุงเทพฯ และสวนลุมฯ โซน D Garden ที่เชื่อมต่อกับ Residents’ Private Garden ของลูกบ้านของโครงการ Dusit Residences โซนน้ำตกทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กที่กระจายอยู่รอบสวน โซน Amphitheatre ซึ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงงานศิลปะ ดนตรี งานภาพยนตร์กลางแจ้ง เวิร์คช็อป และมินิอีเว้นต์ รวมถึงทางเดินไล่ระดับสำหรับชมธรรมชาติ (Natural Trail) เพื่อให้ทุกคนสามารถเดินชมธรรมชาติได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งความตั้งใจนี้ ไม่ใช่เพียงสร้างเพื่อความร่มรื่นในพื้นที่ให้กับโครงการเท่านั้น แต่จะเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ช่วยยกระดับกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองที่มีคุณภาพ เต็มไปด้วยความสุขและสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับโลก เพราะคุณภาพชีวิตที่ดี เริ่มจากสิ่งแวดล้อมที่ดีนะคะ” คุณละเอียด กล่าวสรุป
ท่านสามารถรับชมวิดีโอ Dusit Central Park | Roof Park EP3 Biophilia and Ecosystem ได้ที่
Youtube: https://youtu.be/lPgILEp9PGM
Facebook: https://www.facebook.com/share/v/1GqkmwdjgE/
Instagram: https://www.instagram.com/reel/DMzEvdlMyFZ/?igsh=MW51dGF3NnNmM2N0bA==
Website: https://dusitcentralpark.com/
และสามารถร่วมสนุกกับแคมเปญ ‘The Landmark of Thai Pride: Roof Park Naming’ แคมเปญประกวดตั้งชื่อ Roof Park ได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ผ่านทาง https://dusitcentralpark.com/roofparknamingcampaign เพื่อชิงรางวัลรางวัลแพ็คเกจตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักโรงแรมดุสิตธานี เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น 3 วัน 2 คืน และรางวัลชมเชย บัตรรับประทานอาหารที่ห้องอาหาร Pavilion โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ มูลค่า 3,000 บาท จำนวน 5 รางวัล โดยประกาศผลบนช่องทาง https://dusitcentralpark.com/roofparknamingcampaign” *ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
#TheLandmarkofThaiPride #DCPRoofParkNaming #DCPRoofPark #DusitCentralPark #HereforBangkok
** https://www.okmd.or.th/okmd-kratooktomkit/4035/
*** https://www.witpress.com/Secure/elibrary/papers/SDP16/SDP16031FU1.pdf