- OMODA & JAECOO เปิดเผยกลยุทธ์ระดับโลกภายใน 2030 ตั้งเป้าที่จะบรรลุส่วนแบ่งตลาด 10% ในแต่ละกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เตรียมทำสถิติยอดขายทะยาน 1.5 ล้านคัน
- ช่วงเวลาเพียงหนึ่งปี ปริมาณยอดการขายสะสมของ OMODA & JAECOO ทั่วโลก ทะลุแล้ว 160,000 คัน ขึ้นแท่นแบรนด์รถยนต์ที่เติ
บโตเร็วที่สุดในโลก - ในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า OMODA & JAECOO จะยังคงเดินหน้าพัฒนาไลน์ผลิตภั
ณฑ์ต่อไป โดย OMODA กำลังพัฒนารถยนต์รุ่นแฟลกชิ ปและดาวเด่น “OMODA 7 และ OMODA 3” ในขณะที่ JAECOO จะเปิดตัวรถยนต์ “JAECOO 8 และ JAECOO 5” ที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก โดยรถยนต์พลังงานหมุนเวียนของ OMODA & JAECOO พร้อมจะครองส่วนแบ่ งทางการตลาดในอุตสาหกรรมนี้ - OMODA & JAECOO กำลังขยายนิยามความเป็นตั
วตนของแบรนด์ ครอบคลุมทั้งแฟชั่น เทคโนโลยี และอนาคต ด้วยการสร้างระบบนิเวศ “Ultra Futuristic Tech LIFE” ที่โฟกัสวิถีชีวิต “Tech Life” “Fashion Life” และ “Off-Road Life”
ท่ามกลางกระแสการพัฒนาอย่างยั่ งยืนที่ทั่วโลกให้ความสำคัญอย่ างมาก อุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นอีกหนึ่ งธุรกิจที่ต้องเดินหน้าไปสู่ การสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ขั บเคลื่อนด้วย “พลังงานใหม่” โดยเมื่อไม่นานมานี้ OMODA & JAECOO ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้ นนำระดับโลกสัญชาติจีน ได้แถลงกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภั ณฑ์ระดับโลก ด้วยแนวคิด “NEW ENERGY, NEW ECO, NEW ERA” หรือ “พลังงานใหม่ ระบบนิเวศใหม่ แห่งยุคใหม่” OMODA & JAECOO ได้เผยทิศทางรถยนต์ 2 รุ่นใหม่อย่าง “OMODA 7” และ “JAECOO 8” รถยนต์พรีเมียมออฟโรด และประกาศกลยุทธ์ทางธุรกิจ 2030 อย่างเป็นทางการ ที่จะสร้างความได้เปรี ยบจากการบูรณาการทรัพยากรทั่ วโลกอย่างยั่งยืน พร้อมพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ โลก และสร้างห่วงโซ่คุณค่าที่ ครอบคลุม รองรับเป้าหมายยอดขายที่ จะทะยานสู่ 1.5 ล้านคัน
การสร้างสรรค์ด้วยมาตรฐานขั้นสู ง คือรากฐานการยอมรับในระดับสากล
ในระยะเวลาไม่ถึงปี OMODA & JAECOO ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดที่ มีศักยภาพทั่วโลกอย่างรวดเร็ วกว่า 40 แห่ง และได้เข้าสู่ตลาดสำคัญ ๆ ในภูมิภาคต่าง ๆ อาทิ เม็กซิโก สเปน ชิลี และคาซัคสถาน พร้อมกับการสร้างเครือข่ายผู้ แทนจำหน่ายกว่า 873 รายทั่วโลก นอกจากนี้ ด้วยกลยุทธ์แบรนด์ที่ลึกซึ้ งและการบริหารจัดการด้ านการขายที่ดี ทำให้ OMODA & JAECOO สามารถบรรลุเป้าหมายด้ วยยอดขายรถยนต์กว่า 160,000 คัน ทั่วโลกภายในหนึ่งปี ขึ้นแท่นกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ เติบโตเร็วที่สุดในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม OMODA & JAECOO ยังไม่หยุดเพียงแค่นี้ กับกลยุทธ์ของแบรนด์ในปี 2030 ที่จะมุ่งมั่ นในการขยายตลาด การสร้างเครือข่าย พัฒนาแบรนด์และไลน์อัพผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงกลยุทธ์การสร้างระบบนิ เวศของผู้ขับขี่แบบครบวงจร เพื่อก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์ที่ เข้าใจผู้ขับขี่ที่ได้รับความนิ ยมมากที่สุดในโลก ในมิติการขยายตลาดของแบรนด์ยั งคงยึดมั่นในปรัชญา “In somewhere, For somewhere” ที่พร้อมจะส่งเสริมการพั ฒนาในแต่ละพื้นที่ให้เท่าทั นการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างต่ อเนื่อง และนำองค์ความรู้และทักษะในระดั บสากลถ่ายทอดสู่พาร์ทเนอร์ในแต่ ละท้องถิ่นที่เราดำเนินงานด้วย OMODA & JAECOO วางตำแหน่งของแบรนด์ให้ ต่างจากแบรนด์ดั้งเดิมอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายที่ จะเจาะตลาดในกลุ่มประเทศที่มี กฎระเบียบสูงและท้าทายอย่างยุ โรป ด้วยการดีไซน์รู ปโฉมภายนอกของรถยนต์ที่ ตอบสนองความต้องการของตลาด มีระบบการจัดการที่มีประสิทธิ ภาพ และมีความสามารถปรับตัวในระดั บโลก ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถยกระดั บผลิตภัณฑ์และบริการให้มี มาตรฐานสูงสุด ประกอบกับระบบสนับสนุนสำหรั บตลาดโลกจะทำให้เราทะยานสู่ ยอดขาย 1.5 ล้านคัน และชิงส่วนแบ่งทางการตลาด 10% ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกได้
Shawn Xu, CEO ของ OMODA & JAECOO International เล่าว่า เราจะเดินหน้าสร้างการรับรู้ แบรนด์ทั่วภูมิภาค และตอกย้ำความเป็นแบรนด์แห่ งอนาคต แฟชั่น และเทคโนโลยี ซึ่งในอนาคต OMODA & JAECOO จะขยายเข้าสู่ตลาดมากกว่า 60 แห่ง และมีเครือข่ายศูนย์ให้บริการที่ ได้มาตรฐานมากกว่า 3,000 แห่งทั่วโลก
ความก้าวหน้าสู่การเป็นแบรนด์ รถยนต์เฉพาะบุคคลระดั บโลกจากการพัฒนาหลากหลายมิติ
ในด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ OMODA & JAECOO ยังคงมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลิ ตภัณฑ์ที่แตกต่าง โดยในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า เราจะพัฒนาไลน์อัพผลิตภัณฑ์รุ่ นเรือธงและดาวเด่น ทั้งแบรนด์ OMODA ที่เตรียมจะเปิดตัวรถยนต์รุ่น OMODA 7 และ OMODA 3 และแบรนด์ JAECOO ที่จะเปิดตัว JAECOO 8 และ JAECOO 5 พร้อม ๆ กัน ด้วยมาตรฐานรถยนต์ระดับสากล รถยนต์พลังงานหมุนเวียนของ OMODA & JAECOO จะสามารถครองส่วนแบ่ งทางการตลาดต่าง ๆ ได้สำหรับการสร้างแบรนด์ OMODA & JAECOO ได้มีกิจกรรมสำคัญต่าง ๆ ในระดับโลก และมุ่งเน้นการสร้างการมีส่วนร่ วมของลูกค้า ผ่านเทศกาลดนตรีระดับโลก การแข่งขัน Refitting Competition ที่รวบรวมศิลปินมาสร้างสรรค์ ไอเดียตกแต่งรถยนต์ โครงการด้านสิ่งแวดล้อม การจัดทัวร์ออฟโรดทั่วโลก การจัดประกวดค้นหา “MR. J.” ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ได้รั บความสนใจและชื่นชอบจากแฟน ๆ กว่า 5.2 ล้านคน ใน 80 ประเทศทั่วโลก และทำให้แบรนด์ OMODA & JAECOO เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เติ บโตเร็วที่สุดในแง่ของการเป็นที่ รู้จักในระดับทั่วโลก OMODA & JAECOO เกิดขึ้นจากความสำเร็จในการพั ฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี ยานยนต์ โดยได้ใช้รถยนต์รุ่นเรือธงเป็ นส่วนหนึ่งในกิจกรรมต่าง ๆ ระดับโลก อาทิ กิจกรรมด้านกีฬาและอีสปอร์ต (E-Sports) ซึ่งจะส่งมอบประสบการณ์ร่วมที่ น่าจดจำให้กับกลุ่ม LOHAS หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์ สไตล์ในแบบส่งเสริมทั้งสุ ขภาพกายและใจ รวมถึงใส่ใจสิ่งแวดล้อม และและกลุ่มประชากรชั้นนำทั่ วโลก ทำให้คาแรคเตอร์แบรนด์ OMODA & JAECOO ชัดเจนและมีสเน่ห์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ OMODA & JAECOO ได้สร้างช่องทางการสื่ อสารผ่าน “Virtual Live Broadcast” ที่จะสร้างการมีส่ วนร่วมกับสื่อมวลชนและลูกค้าทั่ วโลก ปัจจุบัน OMODA & JAECOO ได้จัดกิจกรรมดังกล่ าวไปแล้ว 276 ครั้ง กับ 1,998 สื่อ ใน 30 ประเทศทั่วโลก และเพื่อรับมือกับการพั ฒนาในอนาคตที่จะเชื่อมโยงเสมื อนจริงและโลกแห่งความจริงเข้าด้ วยกัน OMODA & JAECOO ได้ร่วมมือกับ AiMOGA พัฒนา “MORNINE” หุ่นยนต์ไบโอนิคเดินได้ตั วแรกของโลก ซึ่งเกิดขึ้นจากการพั ฒนาเทคโนโลยีและฟังก์ชั นการทำงานที่หลากหลาย จนสามารถกลายเป็นเพื่อนร่ วมทางที่ชาญฉลาดในทุกบ้าน และเชื่อมโยงโลกเสมือนให้ กลายเป็นจริงขึ้นมา
ล่าสุด OMODA ภายใต้คอนเซ็ปต์ “O-UNIVERSE” แนวคิดการตลาดบนโลกเสมือนที่เชื่ อมโลกจริงและโลกเสมือนของผู้ขั บขี่เข้าด้วยกัน ได้ปล่อยไมโครฟิล์มซีรีส์เกี่ ยวกับระบบนิเวศการขับขี่ 2 ตอน เผยแพร่สู่ 80 ประเทศทั่วโลก และมียอดผู้รับชมสูงถึง 2 พันล้านครั้ง ซึ่ง OMODA จะเดินหน้าผลิตไมโครฟิล์มซีรีส์ นี้ต่อไป เข้าถึงคนรุ่นใหม่ในรูปแบบที่ พวกเขาชื่นชอบมากขึ้นสำหรับ JAECOO ที่เกิดขึ้นจากปรั ชญาของแบรนด์ “From Classic, Beyond Classic” มุ่งพัฒนารถยนต์ ออฟโรดพร้อมกับการเป็นผู้นำพลิ กโฉมนวัตกรรมที่สร้างประสบการณ์ การขับขี่ออฟโรด อาทิ เทคโนโลยีการควบคุมเวกเตอร์ AWD เพิ่มขีดความสามารถในการขั บขี่แบบสมบุกสมบันให้กับ JAECOO 7 และ JAECOO 8 ที่ทำให้ JAECOO ยังคงเป็นแบรนด์ที่พั ฒนายนตรกรรมด้วยเทคโนโลยี
ระบบนิเวศการขับขี่เฉพาะตัวพร้ อมก้าวสู่อนาคต
OMODA & JAECOO ในฐานะแบรนด์ที่ให้ ความสำคัญกับผู้ขับขี่เป็นศูนย์ กลาง เราให้ตั้งใจอย่างยิ่งกับการสร้ างระบบนิเวศมีเอกลักษณ์เฉพาะตั วของแบรนด์ภายใต้แนวคิดการเป็น “มากกว่ารถยนต์” เพื่อเป้าหมายการเติมเต็มไลฟ์ สไตล์การขับขี่ในอนาคตของผู้ขั บขี่ ให้เกิดความรู้สึกประทั บใจจากประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซี ฟนี้
ยิ่งไปกว่านั้น OMODA & JAECOO ยังให้ความสำคัญกับปรัชญาการพั ฒนาที่ยั่งยืนและคาร์บอนต่ำ ไม่เพียงสะท้อนผ่านการพัฒนาผลิ ตภัณฑ์และกระบวนการผลิตเท่านั้น แต่ยังมีการบริหารจั ดการและการดำเนินงานที่มีประสิ ทธิภาพ โดย OMODA & JAECOO ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม “GREEN OJ” ที่จะมาสนับสนุนกิ จกรรมสาธารณะด้านความยั่งยื นของแบรนด์ อาทิ การอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ การคุ้มครองพืชพรรณ การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชี วภาพและมหาสมุทร ผ่านการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี ด้านพลังงานใหม่และระบบขับเคลื่ อนที่มีประสิทธิภาพ ด้วยเป้าหมายที่จะทำงานร่วมกั บพาร์ทเนอร์ในระดับโลกในการปกป้ องโลกของเราและนำไปสู่อนาคตที่ ยั่งยืน
ในปี 2024 นี้ OMODA & JAECOO มุ่งขยายแบรนด์ทั้งในด้ านแฟชั่น เทคโนโลยี และอนาคต ด้วยการสร้างระบบนิเวศ “Ultra Futuristic Tech LIFE” ซึ่งผสมผสานระหว่าง “Tech Life” “Fashion Life” และ “Off-Road Life” เข้าด้วยกัน ในขณะเดียวกัน OMODA & JAECOO ยังคงค้นหาและสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ ๆ มุ่งพัฒนาระบบนิเวศที่ครอบคลุ มเพื่อรองรับความต้องการที่ หลากหลาย และสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์แห่ งอนาคตร่วมกับผู้ขับขี่ต่อไป
นอกจากนี้ OMODA & JAECOO ยังคงมุ่งมั่นขยายฐานกลุ่มลูกค้ าให้กว้างมากยิ่งขึ้น โดยแบรนด์ JAECOO กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ การใช้งานในระบบนิเวศการขับขี่ อาทิ เสื้อแจ็คเก็ตและอุปกรณ์แคมป์ปิ้ ง และอุปกรณ์จ่ายไฟ V2L ของรุ่นออฟโรด ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสนุกและเพลิ ดเพลินกับการขับขี่
“เราหวังอย่างยิ่งว่ าเราจะครองส่วนแบ่ งทางการตลาดเพิ่มขึ้นราว 10% ภายในปี 2030 ในตลาดรถยนต์เซ็กเมนต์เดียวกัน เราจึงอยากร่วมมือกันพันธมิตรทุ กคนเพื่อขับเคลื่อนยุคใหม่ และทะยานสู่เป้าหมาย 1.5 ล้านคัน ภายในปี 2030” Shawn Xu กล่าวทิ้งท้าย