วันเสาร์, กันยายน 28, 2024
spot_img
หน้าแรกAuto Newsตลาดรถยนต์เดือนสิงหาคม ยังคงฟื้นตัวช้า ยอดขาย 45,190 คัน ลดลง 25%

ตลาดรถยนต์เดือนสิงหาคม ยังคงฟื้นตัวช้า ยอดขาย 45,190 คัน ลดลง 25%

-

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2567 ยอดขายตลาดรวม 45,190 คัน ลดลง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 18,305 คัน ลดลง 22.6% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 26,885 คัน ลดลง 26.5% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายทั้งหมด 14,970 คัน ลดลง 39.2%

ประเด็นสำคัญ

ตลาดรถยนต์เดือนสิงหาคม 2567 มียอดขาย 45,190 คัน ลดลง 25เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง ทำยอดขาย 18,305 คัน ชะลอตัวที่ 22.6% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดขาย 26,885 คัน ชะลอตัวเช่นกันที่ 26.5% และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 14,970 คัน เติบโตลดลง 39.2% ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด17,090 คัน คิดเป็นสัดส่วน 38% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่รถยนต์ HEV ยังคงได้รับความนิยม โดยมียอดขายอยู่ที่ 8,658 คัน เติบโตขึ้น 33% คิดเป็นสัดส่วน 51% ของตลาด xEV และรถยนต์ BEV มียอดขาย 7,654 คัน เพิ่มขึ้น 16% คิดเป็นสัดส่วน 45% ของตลาด xEV ทั้งหมด

ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน มีแนวโน้มจะยังคงทรงตัว แต่ยังคงเติบโตลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอาจเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังคงฟื้นตัวช้า และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน รวมถึงภาวะอุทกภัย อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนสิงหาคม 2567

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 45,190 คัน ลดลง 25%            

อันดับที่ 1 โตโยต้า      17,843 คัน     ลดลง   14.5%           ส่วนแบ่งตลาด   39.5%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            6,145 คัน      ลดลง     46%            ส่วนแบ่งตลาด   13.6%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       5,005 คัน      ลดลง   29.3%           ส่วนแบ่งตลาด   11.1%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 18,305 คัน ลดลง 22.6%                    

อันดับที่ 1 โตโยต้า       5,554 คัน      ลดลง   33.5%           ส่วนแบ่งตลาด   30.3%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า       3,302 คัน      ลดลง   24.1%           ส่วนแบ่งตลาด     18%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ       1,375 คัน      เพิ่มขึ้น   48%            ส่วนแบ่งตลาด   7.5%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 26,885 คัน ลดลง 26.5%             

อันดับที่ 1 โตโยต้า      12,289 คัน     ลดลง   1.9%            ส่วนแบ่งตลาด   45.7%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            6,145 คัน      ลดลง     46%            ส่วนแบ่งตลาด   22.9%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       1,703 คัน      ลดลง   37.8%            ส่วนแบ่งตลาด   6.3%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 14,970 คัน ลดลง 39.2%                   

อันดับที่ 1 โตโยต้า        7,086 คัน     ลดลง   29.2%           ส่วนแบ่งตลาด   47.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ             5,275 คัน     ลดลง   47.2%           ส่วนแบ่งตลาด   35.2%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          1,501 คัน     ลดลง   49.2%            ส่วนแบ่งตลาด     10%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,667 คัน

อีซูซุ 1,158 คัน – โตโยต้า 822 คัน – ฟอร์ด 542 คัน – มิตซูบิชิ 113 คัน – นิสสัน 32 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 12,303 คัน ลดลง 37.1%                 

อันดับที่ 1 โตโยต้า         6,264 คัน     ลดลง   21.4%            ส่วนแบ่งตลาด   50.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ             4,117 คัน     ลดลง   51.1%           ส่วนแบ่งตลาด   33.5%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด             959 คัน     ลดลง   47.5%            ส่วนแบ่งตลาด   7.8%                                                                                  

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม –  สิงหาคม 2567

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 399,611 คัน ลดลง 23.9%   

อันดับที่ 1 โตโยต้า      151,907 คัน     ลดลง   14.7%           ส่วนแบ่งตลาด     38%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           59,189 คัน     ลดลง   45.9%           ส่วนแบ่งตลาด   14.8%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      53,946 คัน     ลดลง   11.2%           ส่วนแบ่งตลาด   13.5%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 154,194 คัน ลดลง 20.6%                   

อันดับที่ 1 โตโยต้า      44,131 คัน     ลดลง   34.6%            ส่วนแบ่งตลาด   28.6%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า      30,555 คัน     ลดลง     23%            ส่วนแบ่งตลาด   19.8%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      12,345 คัน     เพิ่มขึ้น  6.5%            ส่วนแบ่งตลาด       8%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 245,417 คัน ลดลง 25.8%  

อันดับที่ 1 โตโยต้า      107,776 คัน     ลดลง     2.7%           ส่วนแบ่งตลาด   43.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           59,189 คัน      ลดลง   45.9%            ส่วนแบ่งตลาด   24.1%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      23,391 คัน      เพิ่มขึ้น    11%            ส่วนแบ่งตลาด   9.5%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 139,532 คัน ลดลง 40%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      64,144 คัน      ลดลง   29.2%           ส่วนแบ่งตลาด     46%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           51,711 คัน      ลดลง   47.7%           ส่วนแบ่งตลาด   37.1%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        14,730 คัน      ลดลง     43%            ส่วนแบ่งตลาด   10.6%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 24,481 คัน

โตโยต้า 8,736 คัน – อีซูซุ 8,247 คัน – ฟอร์ด 5,564 คัน – มิตซูบิชิ 1,656 คัน – นิสสัน 278 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 115,051 คัน ลดลง 39.3%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      55,408 คัน      ลดลง   26.2%            ส่วนแบ่งตลาด   48.2%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          43,464 คัน      ลดลง     48%            ส่วนแบ่งตลาด   37.8%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        9,166 คัน        ลดลง   47.6%            ส่วนแบ่งตลาด       8%

- Advertisment -

Must Read

“ซูซูกิ แครี่” ตอกย้ำบทบาทผู้นำ “ฟู้ดทรัค” เติบโตสวนทางตลาด สร้างโอกาสในช่วงวิกฤติ ชูความอเนกประสงค์ครบครัน ตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลาย ล็อกเป้าเก็บเกี่ยวยอดขาย 4,200...

0
14 มีนาคม 2565-กรุงเทพมหานคร-ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ชูความอเนกประสงค์ของ ซูซูกิ แครี่ ตอกย้ำบทบาทผู้นำฟู้ดทรัคที่มีส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสและร่วมขับเคลื่อนธุรกิจฝ่าวิกฤติโควิด-19 ในรูปแบบที่หลากหลาย สร้างอัตราเติบโตให้กับธุรกิจด้านการขนส่ง สอดรับการขยายตัวของธุรกิจออนไลน์ มั่นใจสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ประกอบการในยุคปัจจุบัน ตั้งเป้าเก็บเกี่ยวยอดขาย 4,200 คันในปีนี้ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการผลักดัน ซูซูกิ แครี่...