วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกAuto Newsเมอร์เซเดส-เบนซ์ เผยทิศทางใหม่ในการสร้างสรรค์บูธสำหรับงานจัดแสดงรถยนต์ พร้อมนำเสนอรถยนต์ไฮไลต์ นำโดย “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รุ่นประกอบในประเทศ ...

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เผยทิศทางใหม่ในการสร้างสรรค์บูธสำหรับงานจัดแสดงรถยนต์ พร้อมนำเสนอรถยนต์ไฮไลต์ นำโดย “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รุ่นประกอบในประเทศ และ “Mercedes-AMG SL 43” เวอร์ชันใหม่ของรถยนต์สปอร์ตในตำนานที่แฟน ๆ รอคอย ด้วยคอนเซ็ปต์ “Vision of the Beyond” ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ตั้งแต่ 1-12 ธันวาคมนี้

-

เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเผยแนวทางใหม่ในการสร้างสรรค์บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์สำหรับงานจัดแสดงรถยนต์ ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ทั้งการเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” ผู้ให้คำแนะนำเรื่องรถยนต์ที่รู้จริงแบบไม่จำกัดเพศ การสร้างสรรค์บูธแบบอินเทอร์แอคทีฟภายใต้คอนเซ็ปต์ “ Vision of the Beyond” นำเสนอประสบการณ์ยานยนต์แบบฉบับเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่โดดเด่นเหนือระดับ และ  ไฮไลต์ของรถยนต์หลากหลายรุ่น อาทิ “EQS 500 4MATIC AMG Premium” ยานยนต์พลังไฟฟ้า 100% รุ่นประกอบในประเทศคันแรกที่ผสานทั้งเทคโนโลยี ดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งาน และการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน “Mercedes-AMG SL 43” รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานที่แฟน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย และ “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม รวมถึงอีกหลายรุ่นที่พร้อมให้แฟน ๆ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ตื่นเต้นตลอดงานมหกรรมยานยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1-12 ธันวาคมนี้

มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

“เมอร์เซเดส-เบนซ์มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้กำหนดเทรนด์ใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยอยู่เสมอ นั่นจึงเป็นที่มาของการริเริ่มทำสิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์

ยานยนต์ของเราภายในการจัดงานแสดงรถยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ครั้งนี้ด้วย เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” เพื่อให้คำแนะนำและนำเสนอข้อมูลรถยนต์ด้วยความเชี่ยวชาญในรูปแบบดิจิทัล โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเพศใด การนำเสนอบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Vision of the Beyond ” ในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟ ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ลูกค้าสามารถเข้ามาโต้ตอบกับ AI Artist โดยจะแสดงข้อความต้อนรับเข้าสู่บูธแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ดื่มด่ำกับประสบการณ์ใหม่ของการเลือกชมรถยนต์รุ่นใหม่ได้อย่างสอดคล้องกับตัวตน และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนอย่างเต็มที่ผ่านแพลตฟอร์ม Midjourney นอกจากนี้ เรายังมีไฮไลต์ของรถยนต์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากมายมาให้ลูกค้าได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่ประกอบในประเทศอย่าง  “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รวมถึง “Mercedes-AMG SL 43” ยานยนต์สปอร์ตพลังแรงตามแบบฉบับรถยนต์เอเอ็มจีที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย และ “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” ยานยนต์

ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม”

ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 39 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้าและผู้มาเยี่ยมชมงานด้วยคอนเซ็ปต์ “Vision of the Beyond” เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำจากยนตรกรรมแห่งโลกอนาคต ผ่านรถยนต์ไฮไลต์โมเดลใหม่ 3 รุ่น ที่เสมือนเป็นตัวแทนของ Vision ในอนาคตของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ว่าจะเป็น Vision of Innovation กับการพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยความพร้อมในการบุกเบิกและคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสร้างสรรค์ยนตรกรรมแห่งโลกอนาคต Vision of Performance กับยานยนต์ที่ยกระดับสมรรถนะความแรงไปอีกขึ้นกับเครื่องยนต์ที่ได้รับการสร้างสรรค์ออกมาราวกับงานฝีมือสุดประณีต และ Vision of Sustainability ที่สะท้อนความมุ่งมั่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการพัฒนาระบบปลั๊กอินไฮบริดให้มีประสิทธิภาพลดการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิง เป็นมิตรต่อโลกมากยิ่งขึ้น

ส่วนประสบการณ์ของการได้เข้ามาสัมผัสบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่งานมหกรรมยานยนต์ในปีนี้ก็พิเศษไม่แพ้รถยนต์ไฮไลต์ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำเทคโนโลยี AI มาสร้างสรรค์ภาพโลกอนาคต

จาก Vision ผู้เข้าร่วมงาน เพียงลงทะเบียนล่วงหน้าตอบคำถามสั้น ๆ ว่า “ภาพโลกอนาคตของคุณเป็นอย่างไร?” ระบบ AI จะนำคำตอบไปสร้างเป็นภาพโลกอนาคตในแบบคุณ พร้อมโชว์ผ่านจอขนาดยักษ์ใน

งาน ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟได้แบบเต็ม ๆ

สำหรับไฮไลต์ของรถยนต์รุ่นใหม่จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ลูกค้าจะได้พบภายในงานมหกรรมยานยนต์

ครั้งที่ 39 ได้แก่

“EQS 500 4MATIC AMG Premium” ยานยนต์ไฟฟ้าคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่

เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมเปิดไลน์การผลิตภายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยรถยนต์คันนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยแพลตฟอร์มของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เรื่อยไปจนถึงดีไซน์ภายนอกและภายในที่สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นยานยนต์สำหรับโลกอนาคตจาก

เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 108.4 kWh ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 828 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก

0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 4.8 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 702 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง

EQS 500 4MATIC AMG Premium วางจำหน่ายในราคา 7,900,000 บาท

“Mercedes-AMG SL 43” รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานจากแบรนด์

เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย กับความเป็นที่สุดในทุกด้าน ทั้งความสะดวกสบายในทุกสัมผัส อารมณ์ความรู้สึกสปอร์ตถึงขีดสุดจากภายนอกถึงภายใน และขุมพลังความแรงที่ไม่อาจต้านทานของเครื่องยนต์จาก AMG แบบ One Man, One Engine ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ มอบพละกำลังในการขับขี่ตามแบบฉบับของรถยนต์เอเอ็มจี ด้วยกำลังสูงสุด  381 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด

480 นิวตันเมตร ดีไซน์ภายนอกคือการบรรจบกันระหว่างเอกลักษณ์ความเป็นรถสปอร์ตพลังแรงและความเป็นรถยนต์ซีดานที่เปี่ยมด้วยความหรูหรา ส่วนห้องโดยสารภายในให้รายละเอียดที่โดดเด่นตามแบบฉบับของรถยนต์มอเตอร์สปอร์ต 2 ประตูพร้อมเบาะที่นั่งแบบ 2+2 ที่มอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการขับขี่

ในทุก ๆ วัน โดยเฉพาะการมาพร้อมระบบ MBUX เจเนอเรชันล่าสุด ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สคลาสให้แฟนรถยนต์รุ่น SL ตัวจริงในทุกวินาทีที่อยู่ในห้องโดยสาร

Mercedes-AMG SL 43 วางจำหน่ายเริ่มต้นในราคา 11,700,000 บาท

“Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” คือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,999 ซีซี ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 25.4 kWh ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เป็นเจเนอเรชันที่ 4 ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร โดยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดคันนี้สามารถขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร และทำความเร็วสูงสุดจากการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้ถึง

140 กิโลเมตร/ชั่วโมง รถยนต์คันนี้ยังมาพร้อมรายละเอียดของการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์ใหม่ในคอนเซ็ปต์ Sensual Purity ที่ให้สัมผัสที่ผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและความหรูหรา ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ตและขนาดตัวรถที่กว้างขึ้นในทุกมิติ ส่วนดีไซน์ภายในก้าวไปอีกขั้นกับการตกแต่งที่ถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ทั้งยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและมาตรฐานของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ได้รับการยกระดับขึ้นอีกขั้น

Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 3,350,000 บาท

ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อพบกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นต่าง ๆ พร้อมรับข้อเสนอสุดล้ำได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 และสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่นได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์มอบอีกหนึ่งสิทธิพิเศษสำหรับผู้ลงทะเบียนล่วงหน้า ลุ้นเป็นหนึ่งในผู้โชคดี มีรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ในกลุ่มปลั๊กอินไฮบริดจากเมอร์เซเดส-เบนซ์รับคุณมาที่งานมหกรรมยานยนต์หรือสำหรับผู้ที่เลือกทดลองขับเพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยตัวคุณเอง นอกจากจะได้ทดสอบสมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้าก่อนใครแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดมลพิษจากการเดินทางมางานอีกด้วย

เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 172,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์รถยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ

แบรนด์ย่อย    เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี  เมอร์เซเดส-มายบัค  เมอร์เซเดส-อีคิว  จี-คลาส และแบรนด์สมาร์ท โดยแบรนด์

เมอร์เซเดส มีนำเสนอการเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับลักชัวรีรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2564 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 1.9 ล้านคัน และรถตู้เกือบ 386,200 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อกลยุทธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และต่อบริษัท สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม

- Advertisment -

Must Read