- Supernova Red สีใหม่ล่าสุดของตัวท๊อป
- Fireball มากับ 2 เฉดสีใหม่ เอาใจสายขรึม Blue และ Matt Green
กรุงเทพ 28 สิงหาคม 2566: METEOR 350 ครูซเซอร์ ที่ให้คุณเดินทางไปได้ทุกที่อย่างง่ายดาย พร้อมเสิร์ฟไลฟ์สไตล์สุดล้ำกับเฉดสีล่าสุด สร้างสีสันแห่งการขับขี่ยิ่งขึ้น Royal Enfield (โรยัล เอ็นฟีลด์) เปิดตัว 3 เฉดสีใหม่ให้กับรุ่น Meteor 350 ซึ่งประกอบไปด้วย Fireball Blue และ Fireball Matt Green สำหรับผู้ที่ชอบโทนสีเข้มขรึมอย่างโทนน้ำเงินและเขียวเข้ม New Supernova Red สีแดงฉ่ำจับใจสะดุดทุกสายตา และจากการเพิ่ม 3 เฉดสีใหม่นี้ ทำให้รุ่น Meteor 350 ซึ่งชนะรางวัลอุตสาหกรรมระดับนานาชาติมากมาย จึงมีทั้งหมด 10 สีวางจำหน่าย
Meteor 350 ทะยานสู่จุดสูงสุดเป็นปีที่สองนับตั้งแต่เปิดตัว เป็นรุ่นยอดนิยมสำหรับนักขี่มอเตอร์ไซค์หน้าใหม่ทั่วโลก และยังคงเป็นรุ่นแรก ๆ ที่นักบิดรุ่นเก๋าไม่มองข้ามเช่นกัน เพราะ Meteor 350 ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล ทั้งเส้นทางลัดเลาะในเมือง และการขับเดินทางไกลบนถนนนอกเมืองเป็นเวลานาน ๆ ทั้งนี้ Meteor 350 มีจำหน่ายในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และได้รับการยอมรับว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ครูเซอร์พันธุ์แท้จากผู้เชี่ยวชาญด้านรถจักรยานยนต์
เมื่อกล่าวถึงความสำเร็จของ Meteor 350 และการเปิดตัวสีใหม่ คุณ อนุจ ดัว หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ โรยัล เอ็นฟีลด์ ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค กล่าวว่า “การเปิดตัว Meteor 350 ถือเป็นก้าวสำคัญในการเดินทางของเรา ในช่วงสองปีที่ผ่านมา Meteor 350 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มครูเซอร์ในตลาดโลก พร้อมทั้งได้รับรางวัลมากมาย การเพิ่มเฉดสีใหม่ให้กับ Meteor 350 ทำให้มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าในประเทศ และด้วยการสนับสนุนที่อบอุ่นของชุมชนผู้รักการขับขี่ เรามีความยินดีที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย โดยการทำงานอย่างใกล้ชิดให้เข้ากับวัฒนธรรมของประเทศไทย”
สำหรับสีใหม่ Fireball Matt Green เตะตาด้วยถังน้ำมันสีเขียวด้าน เพิ่มลูกเล่นที่ขอบสีเขียวด้านบนโลหะ ส่วนสี Fireball Blue โดดเด่นด้วยถังน้ำมันสีน้ำเงินแบบเงา พร้อมแถบสีเหลืองบนตัวถังและขอบล้อ ปิดท้ายด้วย Supernova Red มาพร้อมถังน้ำมันสีแดงตัดสลับดำ พร้อมแผงด้านข้างที่เข้ากัน
Meteor 350 คือรถสไตล์ครูเซอร์ที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างดี ขับขี่ง่าย เข้ากับทุกสรีระ โดยนำเสนอสไตล์ครูเซอร์คลาสสิกและวิถีไบค์เกอร์สมัยใหม่มาผสานให้เข้ากัน ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ Meteor 350 สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ตอบโจทย์ทั้งนักบิดมือใหม่และรุ่นเก๋าประสบการณ์ Meteor 350 ได้รับการออกแบบมาเพื่อการขับขี่ทั้งระยะทางไกล และการขับขี่ในเมืองเช่นกัน และด้วยการปรับแต่งล่าสุด Royal Enfield Meteor 350 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถกลุ่มครูเซอร์ที่มาพร้อมคุณสมบัติและสมรรถนะที่ล้ำยิ่งกว่า
Meteor 350 สามารถปรับแต่งให้เข้ากับบุคลิกของผู้ขับขี่ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ของแท้ โดยเฉพาะรุ่น 3 เฉดสีใหม่จะมีจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม ผู้ที่สนใจสามารถเลือกชมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.royalenfield.com
Meteor 350 Fireball จำหน่ายในราคา 159,900 บาท รุ่น Stellar ราคา 165,900 บาท และรุ่น Supernova ราคา 169,900 บาท
เกี่ยวกับโรยัล เอ็นฟีลด์:
Royal Enfield แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก โดยได้สร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สง่างามมีเอกลักษณ์มาตั้งแต่ปี 1901 จากต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ได้ส่งต่อศาสตร์แห่งการสร้างสรรค์อันล้ำค่ามาสู่โรงงานผลิตในเมือง Madras เมื่อปี 1955 นับเป็นฐานการผลิตสำคัญที่ Royal Enfield สร้างการเติบโตให้กับรถสองล้อขนาดกลางในประเทศอินเดีย สเน่ห์และความน่าสนใจของ Royal Enfield คือความมีเอกลักษณ์ ไม่ซับซ้อน เข้าถึงได้ พร้อมมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานในการขับขี่ นับเป็นยานพาหนะที่เหมาะในการสำรวจเปิดโลก และแสดงออกถึงบุคลิกที่มีเอกลักษณ์ของผู้ขับ ซึ่งเป็นแนวทางที่แบรนด์เรียกว่า Pure Motorcycling
กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมของ Royal Enfield ได้แก่ Classic 350, Meteor 350, Super Meteor 650, Interceptor 650, Continental GT 650 รวมถึงมอเตอร์ไซค์ผจญภัย Himalayan และ Bullet 350 กลุ่มนักขับขี่ผู้หลงใหลเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์และการตกแต่ง สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมายได้ตลอดทั้งปี ที่มีทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ ตัวอย่างกิจกรรมที่น่าจับตามองมากที่สุดคือ Rider Mania ซึ่งเป็นการรวมตัวประจำปีของผู้ที่ชื่นชอบ Royal Enfield หลายพันคน จัดขึ้นที่รัฐกัว ประเทศอินเดีย และ Himalayan Odyssey ซึ่งเป็นการเดินทางแสวงบุญประจำปีบนภูมิประเทศที่ท้าทายที่สุดทางผ่านภูเขาที่สูงที่สุด ที่สร้างความประทับใจที่สุดเช่นกัน
Royal Enfield คือหนึ่งกลุ่มธุรกิจของ Eicher Motors Limited ดำเนินธุรกิจผ่านตัวแทนจำหน่ายขนาดใหญ่ 1,033 แห่ง และสตูดิโอสโตร์ 1,038 แห่งในเมืองใหญ่ ๆ ทั่วอินเดีย และส่งออกไปยังกว่า 60 ประเทศทั่วโล นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีศูนย์ดูแลเชิงเทคนิคระดับโลกสองแห่งในเมือง Bruntingthorpe สหราชอาณาจักร และในเมือง Chennai ประเทศอินเดีย โดยโรงงานผลิตที่ทันสมัยทั้งสองแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ Oragadam และ Vallam Vadagal ใกล้กับเมือง Chennai ประเทศอินเดีย และในปี 2020 ก็ได้เปิดหน่วยประกอบชิ้นส่วนแห่งแรกที่ตั้งอยู่นอกประเทศอินเดีย อันได้แก่เมืองบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา และด้วยการเติบโตมากกว่า 17% ต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Royal Enfield มียอดขายในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 96% ในปี
2562-2563 Royal Enfield จึงเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางระดับโลกอย่างแท้จริง
