วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกข่าวประชาสัมพันธ์SHARGE ผนึก Shell-Porsche บริการสถานีชาร์จความเร็วสูงสุดข้ามพรมแดนครั้งแรก! พัฒนาแอปฯค้นหาจุดชาร์จ HPC ไทย-มาเลเซีย เชื่อมเครือข่าย EV Charger ยาวที่สุดในอาเซียน

SHARGE ผนึก Shell-Porsche บริการสถานีชาร์จความเร็วสูงสุดข้ามพรมแดนครั้งแรก! พัฒนาแอปฯค้นหาจุดชาร์จ HPC ไทย-มาเลเซีย เชื่อมเครือข่าย EV Charger ยาวที่สุดในอาเซียน

-

“SHARGE” ร่วมยกระดับ EV Charger ไทยสู่มาตรฐานสากลระดับโลก จับมือ Shell-Porsche สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ระดับภูมิภาคเป็นรายแรกในประเทศไทย ติดตั้ง EV Charger ความเร็ว 180-360 kW สูงที่สุดในไทย ให้แก่สถานีบริการ Shell Recharge สถานีชาร์จยานยนต์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง หรือ HPC ในไทยทั้ง 11 แห่ง พร้อมพัฒนา Cross Border Integration เชื่อมแอปพลิเคชัน SHARGE กับผู้ให้บริการในมาเลเซีย ตอกย้ำเครือข่าย EV Charger ที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2,200 กม. คาดเปิดให้บริการครบทั้ง 11 แห่งเร็วๆ นี้  

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า จากวิสัยทัศน์ Scale Up EV Future บริษัทได้มุ่งขยายระบบนิเวศ EV ร่วมกับเชลล์ (Shell) ผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานระดับโลก และปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก (Porsche Asia Pacific) ผู้ผลิตรถสปอร์ตสมรรถนะสูงชั้นนำของโลก ในการยกระดับ EV Infrastructure ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เติบโตรองรับเมกะเทรนด์การใช้รถ EV ด้วยการเป็นผู้จำหน่ายและผู้ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ขนาด 180kW ซึ่งเป็นความเร็วที่สูงที่สุดในไทยในขณะนี้ ให้แก่สถานี Shell Recharge” และสถานีชาร์จยานยนต์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง (HPC) ทั้ง 11 แห่งในไทย ตามโรดแมปการขยายเครือข่าย EV Charger ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ข้ามพรมแดน 3 ประเทศ คือไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่ทาง Shell และ Porsche ได้ประกาศวิสัยทัศน์ไปก่อนหน้านี้ ให้ผู้ใช้งานสามารถชาร์จพลังงานจาก 0% State of Charge (SoC) ถึงระดับ 80% ภายใน 30 นาที เดินทางได้สูงสุดถึง 390 กิโลเมตร สำหรับรถปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan)

“ด้วยนวัตกรรม HPC อันแข็งแกร่งของ SHARGE กับ 2 บริษัทระดับโลกอย่าง Shell และ Porsche จะช่วย Scale Up ภารกิจขยาย EV Infrastructure ของเราให้ไปไกลกว่าเดิม เพราะเรากำลังร่วมกันสร้างเครือข่ายใหญ่ระดับภูมิภาคให้ผู้ใช้รถ EV เข้าถึงสถานีชาร์จประสิทธิภาพสูงที่เร็วแรงที่สุดได้ง่ายขึ้น ทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญของวงการ EV Charger ประเทศไทย ที่ได้ยกระดับเทคโนโลยีการให้บริการสู่มาตรฐานสากลระดับโลก สามารถเชื่อมเข้ากับเครือข่าย EV Charger แบบข้ามพรมแดนได้เป็นครั้งแรก สะท้อนถึงความพร้อมของ SHARGE ในการเดินหน้าขยายบริการ EV Charger ไปยังประเทศต่างๆ ในอนาคต” นายพีระภัทร กล่าว

ขณะเดียวกัน ด้วยมาตรฐานการพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการ EV Charger ระดับสากล บริษัทยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นเป็นผู้ผสานการทำงานระหว่างแอปพลิเคชันแบบข้ามประเทศ (Cross Border Integration) เชื่อมโยงแอปพลิเคชันของ SHARGE เข้ากับแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการสถานี HPC 6 แห่งในมาเลเซีย ส่งผลให้ผู้ใช้บริการรถ EV ทุกคันสามารถค้นหาสถานี HPC ของ Shell Recharge ในมาเลเซีย รวมถึงจองคิว และจ่ายเงินได้ผ่านแอปฯ SHARGE สานฝันการเป็นเครือข่าย EV Charger ที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2,200 กม.ของ Shell และ Porsche ส่งผลให้ SHARGE เป็นผู้ให้บริการ EV Charger รายแรกของประเทศไทยที่ขยายการให้บริการไปสู่ระดับภูมิภาค

เบื้องต้น บริษัทคาดว่าจะดำเนินการติดตั้งเครื่องชาร์จความเร็วสูงให้แก่สถานี HPC ของ Shell Recharge ทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศได้อย่างต่อเนื่อง จนเปิดให้บริการทุกแห่งได้เร็วๆ นี้ และเชื่อมโยงบริการแอปพลิเคชันกับมาเลเซียเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1/2566 ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนขยายความร่วมมือกับ Shell อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เชื่อว่าความร่วมมือทั้งหมดจะส่งผลให้ยอดผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน SHARGE ทะลุ 20,000 ราย และช่วยให้บริษัทสามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้บริการ EV Charger ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค

นายเรืองศักดิ์ ศรีธนวิบุญชัย กรรมการบริหาร ธุรกิจโมบิลิตี้ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า เชลล์ ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานระดับโลก ด้วยกลยุทธ์ Powering Progress มีเป้าหมายสู่การเป็นธุรกิจพลังงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Emission) ภายในปี พ.ศ. 2593 เชลล์จึงพัฒนาโซลูชันด้านพลังงานหลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการพลังงานมากขึ้น โดยที่ต้องเป็นพลังงานที่สะอาดมากขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  เชลล์มีศักยภาพและความพร้อมที่ในการส่งมอบพลังงานต่างๆ ที่เรามีประสบการณ์อยู่ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นพลังงานโซลาร์ ไฮโดรเจน พลังงานลม เชื้อเพลิงชีวภาพ และพลังงานไฟฟ้า โดยขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของนโยบายประเทศและความต้องการของลูกค้าเป็นปัจจัยสำคัญ

“เราเข้าใจดีว่าผู้ใช้รถ EV ต้องการความรวดเร็ว ความเชื่อถือได้ ในการชาร์จไฟฟ้า ตลอดจนความสะดวกสบายของจุดให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางสัญจรระยะยาวข้ามประเทศ เชลล์เปิดตัวสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูง HPC 180 kW แห่งแรกของเรา เป็นการขยายเครือข่ายการให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ยาวที่สุดของเชลล์ จากสิงคโปร์ มาเลเซียและเข้าสู่ประเทศไทย ถือเป็นการขับเคลื่อนการเดินทางสำหรับอนาคตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เกิดเส้นทางสัญจรที่ปราศจากมลภาวะมุ่งสู่การเดินทางที่ยั่งยืน” นายเรืองศักดิ์ กล่าว

เชลล์มีความมุ่งมั่นอย่างสูงในการเปลี่ยนผ่านพลังงานเพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ การทำงานร่วมกับ SHARGE ในการให้บริการสถานีชาร์จยานยนต์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ในไทยรายแรกของเชลล์ มีศักยภาพและประสิทธิภาพสูงตามมาตรฐานสากล และด้วยการผสานการทำงานร่วมกันกับเครือข่าย Shell Recharge จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงพลังงานสะอาด และยกระดับมาตรฐานของการใช้งานของจุดชาร์จรถไฟฟ้าในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มีความแข็งแกร่ง  ตามเจตนารมณ์ของ Shell ในการจัดสรรพลังงานสะอาดที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน พร้อมเคียงข้างการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเติบโตของประเทศ

ทั้งนี้ เชลล์ยังร่วมกับปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก มอบเอกสิทธิ์เพื่อการดูแลที่เหนือระดับสำหรับเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) ที่เป็นลูกค้ารายใหม่ในประเทศไทย จะได้รับสิทธิพิเศษสำหรับสถานะสมาชิกระดับ Platinum โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอด 3 ปี สามารถจองใช้บริการล่วงหน้า 1 ชั่วโมง โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมจอง พร้อมรับส่วนลด 50% สำหรับการชาร์จสูงสุด 850 kW ต่อปี และคะแนน Shell GO+ ถึง 10,000 คะแนน สำหรับแลกรับส่วนลดการเติมน้ำมัน หรือซื้อสินค้าและบริการในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ เช่น ร้านสะดวกซื้อเชลล์ ซีเล็ค ร้านเชลล์ คาเฟ่ หรือ เดลี่คาเฟ่ เมื่อใช้บริการสถานี Shell Recharge ผ่านแอปพลิเคชัน SHARGE

สำหรับบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE เป็นผู้นำอันดับต้นๆ ของไทยที่ให้บริการ EV Charging Solution แบบครบวงจรทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ เพื่อรองรับ Lifestyle Charging Ecosystem ทั้ง Night, Day, On-the-go เติบโตมาจากการเป็นสตาร์ทอัพ มีบริษัทขนาดใหญ่จากหลากหลายเซ็กเตอร์เข้าร่วมลงทุนเป็นผู้ถือหุ้น อาทิ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG และบริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด

ปัจจุบัน SHARGE ให้บริการธุรกิจแก่ลูกค้าใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.Charger Sales & Installation ขายและติดตั้งเครื่องชาร์จให้แก่เจ้าของบ้านจัดสรร บ้านส่วนตัว 2.Charging as a Service ขายพลังงานไฟฟ้าสำหรับชาร์จรถยนต์ EV ตามจุดให้บริการสาธารณะต่างๆ หรือตามอาคารที่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก เช่น คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล กว่า 200 แห่ง ฯลฯ 3.Custom Corporate & Fleet Solution ขายพลังงานไฟฟ้าให้แก่องค์กรเอกชนและผู้ให้บริการยานพาหนะจำนวนมาก

ขณะที่บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2435 เป็นบริษัทพลังงานระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ ”Powering Progress” เป็นยุทธศาสตร์หลักในการเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้ถือหุ้น ลูกค้าและสังคม เพื่อมอบพลังงานสะอาดเพิ่มประสิทธิภาพและดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเป็นธุรกิจพลังงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 ดำเนินธุรกิจโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และยืนเคียงข้างสนับสนุนสังคมไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

- Advertisment -

Must Read