จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ เปิดตัวรถยนต์ SVO พร้อมจำหน่ายในประเทศไทยถึง 3 รุ่น ตอกย้ำสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และความหรูหราอีกระดับของผลิตภัณฑ์

0
660

บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ที่ออกแบบภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการด้านยานพาหนะพิเศษ SVO (Special Vehicle Operations) โดยพร้อมจำหน่ายในประเทศไทยถึง 3 รุ่น ได้แก่กลุ่ม SVR ที่สุดของประสิทธิภาพยานยนต์ ที่นำไปสู่ระดับใหม่ของพลังการขับเคลื่อน และเสถียรภาพในการขับขี่ ประกอบด้วย Jaguar F-Type SVR ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 12.999 ล้านบาท และ Range Rover Sport SVR ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 13.999 ล้านบาท กลุ่ม SVA การออกแบบอันหรูหรา ผนวกกับโครงสร้างรถระดับพรีเมี่ยม และความสะดวกสบายแบบไม่มีใครเทียบเท่าสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น กับ Range Rover SVAutobiography ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 13.999 ล้านบาท

จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ เปิดตัวรถยนต์ SVO

พิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ SVO สัมผัสประสบการณ์ล่องเรือไพรเวทเที่ยวชม พระอาทิตย์ยามเย็นแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเรือยอช์ตลักชัวรีพรินเซส วี 40 (Princess V40) เรือยอร์ชรุ่นใหม่ล่าสุด ปฎิวัติการออกแบบภายในโดยมุ่งเน้นความโปร่งโล่งสบายหรูหราในแบบ Princess พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรแพลทินัมอเมริกัน เอ็กซ์เพรส เมื่อจองรถยนต์จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ SVO ผ่านบัตรแพลทินัมอเมริกัน เอ็กซ์เพรส จำนวนเงิน 2 ล้านบาท รับคะแนนสะสมเม็มเบอร์ชิป รีวอร์ด 1 ล้านคะแนน วันนี้ถึง 30 พฤศจิกายน 2562

นายชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ

นายชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับเลือกเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ในประเทศไทย พบว่าตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรี่มีการเติบโต และเราได้รับการตอบรับอย่างสูงสุดจากกลุ่มลูกค้าระดับนี้ ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีความต้องการพิเศษ ไม่ต้องการเหมือนใคร One of a kind ทำให้ไตรมาสสุดท้ายในปีนี้เราได้เปิดซับแบรนด์ของรถยนต์จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ในประเทศไทย ที่เรียกว่า SVO (Special Vehicle Operations) เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ด้วยสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และความหรูหราอีกระดับ

สำหรับรถยนต์ จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ SVO ลูกค้าสามารถเลือกสั่ง customize รถยนต์แบบของตัวเองให้มีเอกลักษณ์ตามความชอบไม่ซ้ำแบบใคร เริ่มตั้งแต่เลือกรุ่นของรถยนต์ เครื่องยนต์ สีของตัวถัง แผ่นหนังหุ้มเบาะ ด้ายเย็บแผ่นหนัง การปักลายหรือเย็บชื่อตัวอักษรประจำตัวก็สามารถทำได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากลูกค้าต้องการลองวัสดุใหม่ๆ ในชิ้นส่วนของรถยนต์ก็สามารถทำได้เช่นกัน และเมื่อประกอบเสร็จรถทุกคันจะต้องผ่านการทดสอบและการตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานการผลิตก่อนส่งมอบลูกค้า ซึ่งเรายังคงมอบแคมเปญ “Worry-Free Program” การรับประกันนาน 5 ปี บริการซ่อมบำรุงฟรี 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี เหมือนรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ที่จำหน่ายในทุกรุ่น”

Special Vehicle Operations (SVO) ศูนย์ปฏิบัติการด้านยานพาหนะพิเศษของ จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ขนาด 20,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ใกล้เมืองโคเวนทรี (Coventry) ประเทศอังกฤษ ภายในประกอบด้วย ศูนย์ปรับแต่งรถสไตล์ Formula-1 ศูนย์พ่นสีรถยนต์แบบอัตโนมัติ พร้อมทีมงานทดสอบและปรับแต่งยานยนต์ตามความต้องการจำนวนกว่า 150 คน ที่ได้สร้างรถยนต์อันน่าทึ่งออกมาแล้วหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นแลนด์โรเวอร์ที่เร็วและทรงพลังที่สุดในรูปลักษณ์ของ Range Rover Sport SVR และ Range Rover SV Autobiography ที่สุดความหรูหราที่มาพร้อมกับตัวเลือกสำหรับวัสดุตกแต่งภายในปรับแต่งได้ตามต้องการ ด้านจากัวร์มีการสร้างรถรูปแบบ F-Type Project 7 อันน่าทึ่งที่มีจำกัดเพียง 250 คันเท่านั้น และ Jaguar C-X75 ที่ปรากฏโฉมในภาพยนตร์แฟรนไชส์ James Bond ภาค Spectre และล่าสุดกับ F-Type SVR ให้พละกำลังถึง 575 แรงม้า ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอดที่ขยายขีดความสามารถของการขับขี่แบบสมรรถนะสูงในทุกสภาพอากาศของรถสปอร์ตจากัวร์

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมสัมผัส Jaguar F-Type SVR และ Range Rover SVAutobiography ได้ที่โชว์รูม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ระหว่างวันที่ 1-31 พฤศจิกายน 2562 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-007-0008

JAGUAR F-TYPE SVR

Jaguar F-TYPE SVR เป็น Jaguar SVR คันแรกที่พัฒนาขึ้นเพื่อศักยภาพสูงสุดของรถสปอร์ต ประกอบด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาวิ่งได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในขณะที่ยังคงใช้งานได้อย่างสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ด้วยเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ให้กำลังมากถึง 575 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 700 Nm จาก 0-100 กิโลเมตต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุดของรุ่นคูเป้ คือ 321 กิโลเมตต่อชั่วโมง และรุ่นเปิดประทุนคือ 313 กิโลเมตต่อชั่วโมง เพลารถที่ปรับปรุงใหม่ ระบบขับเคลื่อน รวมถึงแอโรไดนามิกแบบแอคทีฟ จึงทำให้ F-TYPE SVR ทั้งรุ่นคูเป้และรุ่นเปิดประทุนเป็นรถที่มอบประสิทธิภาพเหนือชั้นในทุกสภาวะ และประสบการณ์การขับขี่อันทรงคุณค่าอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้

จุดเด่น
• F-TYPE SVR เร็วที่สุดในตระกูล F-TYPE มีน้ำหนักเบา วิ่งได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในขณะที่ยังคงใช้งานได้อย่างสะดวกสบายในการขับขี่ทุกๆ วัน
• เครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ให้กำลังมากถึง 575 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 700 Nm จาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาเพียง 3.5 วินาทีด้วยความเร็วสูงสุด 200 ไมล์ต่อชั่วโมง สำหรับรถรุ่นคูเป้
• ชุดแอโรไดนามิกที่ได้รับการปรับปรุงที่กันชนหน้า ปีกคาร์บอนแบบแอคทีฟด้านหลัง และท่อ Venturi ด้านหลังช่วยลดการยกและการลาก
• เพลารถที่ได้รับการปรับปรุงมีแดมเปอร์และบาร์ป้องกันการหมุนแบบใหม่ ยางที่กว้างขึ้น ล้ออัดขึ้นรูปน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว และสลักล้อด้านหลังแบบใหม่ที่แข็งแรง
• ระบบไอเสียไทเทเนียมและอินโคเนลให้เสียงที่หนักแน่นชัดเจนยิ่งขึ้น และมีน้ำหนักที่ลดลงมากกว่า 16 กก.
• เบาะนั่ง SVR ไม่ซ้ำใครด้วยลวดลาย Lozenge Quilt ฝาครอบเครื่องมือและคอนโซลกลางที่หุ้มด้วยใยผ้ากันน้ำ พวงมาลัย SVR คันโยกชุบอะลูมิเนียม
• ปรับเทียบเกียร์ Quickshift และระบบบังคับเลี้ยวด้วยไฟฟ้า เทคโนโลยี Adaptive Dynamics
• การบิดเวกเตอร์ การควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก และระบบขับเคลื่อนทุกล้อได้ตามความต้องการ
• ระบบเบรก Carbon Ceramic Matrix (CCM) มอบความทนทานต่อการซีดจางที่ยอดเยี่ยมและลดการสั่นสะเทือนได้ถึง 21 กก.
• น้ำหนักรถยนต์ทั้งคันลดลง 25 กก. เมื่อเทียบกับ F-TYPE R AWD และสูงสุดถึง 50 กก. พร้อมตัวเลือกต่างๆ ซึ่งรวมถึงระบบเบรก CCM แผงหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ และชุดคาร์บอนไฟเบอร์

RANGE ROVER SPORT SVR

ยกระดับความหรูหราและประสิทธิภาพสู่ระดับใหม่
ด้วยเสถียรภาพในการขับขี่อันน่าทึ่งทั้งบนเส้นทางราบเรียบและเส้นทางออฟโรด

เครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จ V8 Petrol 575PS ขนาด 5.0 ลิตร แรงบิด 700Nm อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.5 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 283 กม./ชม. ระบบ SVR Dynamic Response ได้รับการปรับปรุงให้มีเหลี่ยมมุมราบเรียบขึ้น และรวดเร็วกว่ารถยนต์แลนด์โรเวอร์รุ่นอื่นๆ ในขณะที่ SVR Sport Suspension ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและมอบเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีขึ้น ท่อไอเสียแบบสี่ช่องในตัวพร้อม Active Exhaust ให้เสียงเครื่องยนต์ทุ้มลึกที่โดดเด่นชัดเจน

ภายนอกเสริมด้วยกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์และช่องระบายอากาศด้านข้างใหม่สี Narvik Black การออกแบบเน้นคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์และการใช้งาน เครื่องยนต์ระบายความร้อนผ่านช่องระบายอากาศของฝากระโปรงที่ออกแบบมาอย่างดี และเพิ่มการไหลเวียนของอากาศไปยังเบรกผ่านกันชนหน้าที่ปรับปรุงใหม่ ฝากระโปรงโดดเด่นด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบเปลือย ซึ่งมีน้ำหนักเบาและส่งเสริมสมรรถนะโดยรวมของรถยนต์ ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์แบบรถสปอร์ตของ SVR ให้มากขึ้นด้วย
ภายในออกแบบให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกถึงความสะดวกสบายอย่างที่สุด เบาะนั่ง SVR Performance น้ำหนักเบามอบความสบายและการควบคุมระดับสูงสุด มีให้เลือก 4 สี และบุลายสไตล์ Cut Diamond ด้วยหนัง Windsor พวงมาลัยสุดสปอร์ตยังได้รับการตกแต่งให้เข้ากับสีภายในของแบรนด์ SVR มีการสลักลายนูนโลโก้ SVR ไว้บนพนักพิงศีรษะและสร้างความโดดเด่นอยู่บนแผงควบคุมด้านหน้า เติมความโฉบเฉี่ยวด้วยโครงสร้างรถระดับพรีเมี่ยมผลิตจาก Satin Brushed Aluminium และ Grand Black นอกจากนี้ยังมีขอบแต่งคาร์บอนไฟเบอร์ขัดเงา และคาร์บอนไฟเบอร์ขัดเงาที่โครงสร้างส่วนล่างบนพวงมาลัย เพื่อลุคที่ดูสปอร์ตมากขึ้นกว่าที่เคย

RANGE ROVER SVAUTOBIOGRAPHY

นำเสนอสุดยอดแห่งความหรูหราด้วยการผสมผสานวัสดุที่ดีที่สุดของโลก
การออกแบบที่น่าตื่นเต้น และฝีมือระดับผู้เชี่ยวชาญเข้าด้วยกัน

การตกแต่งที่ไม่ซ้ำใครกับงานฝีมือที่ไม่เคยล้าสมัยและความเชี่ยวชาญกว่า 45 ปีในการออกแบบ Range Rover นั้นปรากฏอยู่ใน SVAutobiography Long Wheelbase ทุกรายละเอียดที่ออกแบบอย่างประณีตบ่งบอกถึงความสง่างามและความใส่ใจในรายละเอียด ภายนอกเมื่อมองจากด้านหน้า รถแต่ละคันประกอบขึ้นจากรายละเอียดที่หรูหรา เช่น กระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ และตัวอักษร ‘Range Rover’ โครเมียมสีสว่างที่มาพร้อมกับขอบสีทึบด้านหน้าและด้านหลังของตัวรถ กราฟิกช่องระบายอากาศด้านข้างแทรกด้วยโครเมียมสีสว่าง พร้อมที่จับประตูโครเมียมรอบด้าน และเพื่อสะท้อนรสนิยมส่วนตัวของคุณ คุณสามารถเลือกสีทูโทนภายนอกรถได้จาก 1 ใน 8 สี โดยสี Santorini Black, Aruba หรือ Corris Grey จะช่วยสร้างภาพลักษณ์หรูหรามีระดับ

การตกแต่งภายในให้ความหรูหรา ใส่ใจต่อรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในทุกสิ่งที่คุณเห็นและสัมผัส ตั้งแต่โต๊ะที่สามารถกางได้จากคอนโซลกลาง เบาะหนังแบบบุลาย Diamond Quilted ช่องแช่เย็นตรงเบาะนั่งด้านหลัง ไปจนถึงการควบคุมการเปิดปิดประตูด้านหลังด้วยปุ่มเดียว และรายละเอียดภายใน เช่น ปุ่ม Stop/Start ปุ่มหมุนโรตารี ตัวปรับที่เท้าแขน ทั้งหมดนี้เพิ่มรูปลักษณ์สวยงามมากขึ้น นอกจากนี้ที่นั่งแบบ Comfort Plus Executive Class นั้นมาพร้อมกับมาตรฐานที่ทำให้มั่นใจได้ว่าการเดินทางทุกครั้งเป็นประสบการณ์ที่ ผ่อนคลายอย่างแท้จริง

เครื่องยนต์ P400e ระบบไฟฟ้าปลั๊กอิน-ไฮบริด (Plug-In Hybrid Electric Vehicle: PHEV) ได้รับการพัฒนาจากการผสานเครื่องยนต์เบนซิน Ingenium สี่กระบอกสูบ 300PS กับมอเตอร์ไฟฟ้า 116PS เทคโนโลยีในการดัดแปลงนี้ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 13.1 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่ให้กำลังไฟ 404PS ในระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ (4WD) ซึ่งให้ผลลัพธ์ทรงประสิทธิภาพที่น่าทึ่ง โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.8 วินาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 640 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังมีระบบอัจฉริยะในการกักเก็บพลังงานระหว่างการเบรคช่วยในการรีชาร์ตแบตเตอรี่ อีกทั้งยังสามารถใช้งานเครื่องยนต์เบนซิน Ingenium (Parallel Hybrid mode) ควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Vehicle mode: EV) ได้ในระบบการขับขี่แบบสองโหมด โดยการเปลี่ยนผ่านระหว่างแหล่งพลังงานขับเคลื่อนทั้งสองโหมดจะเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ เปิดตัวรถยนต์ SVO

จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ เปิดตัวรถยนต์ SVO

จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ เปิดตัวรถยนต์ SVO

จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ เปิดตัวรถยนต์ SVO

จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ เปิดตัวรถยนต์ SVO

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่