เชลล์ จัดงาน Shell Forum 2022 ตอกย้ำความมุ่งมั่นการใช้พลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง จับมือทุกภาคส่วนสนับสนุนประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

0
787

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 18 สิงหาคม 2565 บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จัดเวทีสัมมนาเพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงแนวโน้มในอนาคตการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำในงานสัมมนา Shell Forum 2022 ในหัวข้อ “Decarbonization: The Journey Towards Low-Carbon Economy” เพื่อระดมแนวคิด และความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

 

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวปาฐกถาในช่วงแรกของงานซึ่งใช้ชื่อว่า “The Thought Leaders” ผ่านหัวข้อ Thailand’s Climate Commitment and Decarbonization Journey ว่า “ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศของโลก ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะที่เราปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 0.8% ของโลก โดยมีสาเหตุหลักมาจากการทำปศุสัตว์ รวมถึงเกษตรกรรม กระทรวงฯ จึงได้มีการทดลองปรับปรุงเทคนิคการทำนาขึ้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ด้วยการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งซึ่งพบว่าช่วยลดการเกิดก๊าซมีเทนได้สูงถึง 70% และยังเพิ่มผลผลิตได้ถึง 850 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ยังได้ดำเนินงานตามนโยบาย Bio-Circular-Green Economy (BCG) เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 โดยเน้นขับเคลื่อนการดำเนินงาน 6 ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบาย ด้านการพัฒนาเทคโนโลยี CCS (Carbon Capture and Storage) ด้านการลงทุน ด้านพัฒนากลไกตลาดคาร์บอนเครดิต ด้านการเพิ่มแหล่งกักเก็บ/ดูดกลับก๊าซเรือนกระจก และด้านกฎหมาย สำหรับภาคเกษตรกรรม ได้มีการใช้แนวคิด Agri-Tech with Roots (ATR) ซึ่งประสานเทคโนโลยีร่วมกับปราชญ์ชาวบ้านของไทย ในไทยยังมีป่าชุมชนกว่า 11,000 แห่งที่ถือเป็นขุมทรัพย์สำคัญสำหรับเศรษฐกิจ รัฐบาลยังมีแผนเพิ่มพื้นที่สีเขียวในไทยให้ได้ 55% ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้งนี้กระทรวงฯ ได้วางแนวทางและกลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตที่จะสนับสนุนการร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป”

ภายในงาน ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ร่วมกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ Thailand’s Decarbonization Policy in the Energy Sector ว่า “71% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปัจจุบันมาจากภาคพลังงาน รองลงมาเป็นภาคการเกษตร ตามด้วยอุตสาหกรรมการผลิต และการบริหารจัดการของเสีย ซึ่งปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Economy) อย่างยั่งยืนประกอบไปด้วย 4P ได้แก่ Profit (กำไร) People (ผู้คน) Planet (โลก) และ Partnership (พันธมิตร) กระทรวงพลังงานได้วางแนวนโยบายแผนพลังงานชาติสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำเพื่อมุ่งไปสู่การเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งเน้นไปที่ (1) การใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า 50% โดยมีระบบกักเก็บพลังงานที่ดี (2) นโยบาย 30@30 ที่ตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2030 หรือ พ.ศ. 2573 (3) การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน และ (4) นโยบาย 4D1E ได้แก่ Digitalization การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ร่วมกับเทคโนโลยีด้านพลังงาน, Decarbonization การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์, Decentralization การผลิตพลังงานแบบกระจายตัว, De-Regulation การเปิดเสรีภาคพลังงาน และ Electrification การใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียว โดยภาครัฐได้เพิ่มการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนร่วมกับโมเดล BCG โดยเชื่อมั่นว่าเมื่อประเทศไทยปรับแผนพลังงานพร้อมขับเคลื่อนสู่สังคมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำจะช่วยสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย เพิ่มการลงทุนและการจ้างงาน บรรเทาปัญหามลพิษ PM2.5 และฟื้นฟูเศรษฐกิจได้หลังวิกฤตโควิด-19 อย่างยั่งยืน”

 

นายปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากภาวะโลกร้อนกำลังเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน เชลล์ได้ประกาศกลยุทธ์ Powering Progress ในปี พ.ศ. 2563 เป็นกลยุทธ์ในการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นธุรกิจพลังงานที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ โดยมีเป้าหมายสำคัญดังนี้  (1) การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net-zero emissions) ให้ได้ 50% ภายในปี พ.ศ. 2593 และให้เป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 (2) การส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของทุกคนให้ดีขึ้น (Powering lives) ผ่านการจัดหาพลังงานที่มีคุณภาพดี เชื่อถือได้ และยั่งยืน (3) การเคารพธรรมชาติ (Respecting nature) การปกป้องสิ่งแวดล้อม การลดและจัดการของเสีย รวมถึงการมีส่วนร่วมในการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ (4) การสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น (Generating shareholder value) การที่เชลล์จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้นั้น จำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงิน

นอกจากความมุ่งมั่นที่จะจัดหาพลังงานเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสนับสนุนนโยบายของภาครัฐแล้ว เชลล์ยังตระหนักดีถึงความสำคัญของสมดุลระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ทั้งด้านคุณภาพ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ความยั่งยืน และสิ่งแวดล้อม ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมจากวัสดุทางชีวภาพ การจัดจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน และผลิตภัณฑ์ยางมะตอย Bitumen Fresh Air ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ การติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกับแบรนด์รถยนต์ชั้นนำ ตลอดจนการริเริ่มโครงการ Nature-based Solutions

จากประสบการณ์การทำงานร่วมกับหลายภาคส่วนที่ผ่านมารวมทั้งทีมงานของเชลล์ระดับภูมิภาค เรามองถึงการดำเนินงานในเรื่องต่อไปนี้ที่มีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emission ของประเทศไทยอันได้แก่ (1) นโยบายหลักของการแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างยั่งยืน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอันดับแรกกับการลด (Avoid) และการหลีกเลี่ยง (Reduce) การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยผ่านการใช้พลังงานคาร์บอนต่ำ พลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็นพลังงานไฟฟ้า ลม แสงแดดเป็นจุดเริ่มต้น และสุดท้ายตามด้วยการชดเชยคาร์บอน (Compensate) (2) การที่จะบริหารจัดการลดคาร์บอนอย่างยั่งยืนต้องมีทั้ง Speed และ Scale ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการในสิ่งเหล่านี้ไปพร้อมกัน คือ (2.1) มาตราฐานการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตที่เทียบเท่าสากล (2.2) ตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตทั้งในประเทศ และต่างประเทศ (2.3) ระบบการจัดเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) หรือ ETS (Emission Trading System) นำเงินภาษีที่ได้ไปใช้ในการวิจัยเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนการลงทุนในโครงการลดคาร์บอน รวมทั้งช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ (4) การสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการลงทุนที่ได้กล่าวมาแล้ว (5) สำหรับภาคการเกษตรนอกเหนือจากการปลูกป่า ศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพในการปลูกข้าว และการทำ carbon farming สำหรับเกษตรกรรายย่อย”

อีกส่วนสำคัญของงาน Shell Forum 2022 คือช่วง “The Change Makers” ซึ่งเป็นการเสวนาในหัวข้อ “All Roads Lead to Decarbonization” ที่ได้ผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนมาแบ่งปันเรื่องราวในการลดคาร์บอน โดย ดร.เจน ชาญณรงค์ ประธานชมรมผู้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล ได้กล่าวถึงบทบาทของชมรมฯ ในการศึกษาการเกิดไฟป่าในตำบลแม่ปิง อมก๋อย แม่ตื่น จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพื้นที่เผาไหม้ซ้ำซากราว 10 ล้านไร่ เป็นป่า 6.5 ล้านไร่ ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งเกิดจากการขาดความรู้ ความเข้าใจในการทำการเกษตร และการจัดการขยะทางชีวภาพ โดยสามารถแก้ไขได้ด้วยการให้ความรู้ ความเข้าใจกับชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เกี่ยวกับกลไกธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกทาง ขณะที่นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนภาคเอกชนที่พยายามนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดคาร์บอนในการผลิตพลังงานอย่างยั่งยืนด้วยการเพิ่มอัตราส่วนการผลิตพลังงานสะอาดในระบบโครงข่ายไฟฟ้า โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ให้ได้รวม 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี พ.ศ. 2567 พร้อมย้ำว่าประเทศจะขับเคลื่อนไปสู่การใช้พลังงานสีเขียวได้ด้วยการผสานกันระหว่างการลงทุนด้านเทคโนโลยี การผ่อนปรนระเบียบข้อบังคับจากภาครัฐ การส่งเสริมอีโคซิสเต็มแบบดิจิทัล และการสนับสนุนด้านเงินลงทุน เช่นเดียวกับ รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ได้พูดถึงกระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน ซึ่งหลายคนมองว่าช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนท้องถนนได้ไม่น้อย แต่เมื่อมองครบถ้วนทุกกระบวนการแล้ว กระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายังมีการผลิตคาร์บอนมากกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งต้องอาศัยการพัฒนาด้านเทคโนโลยีต่อไป อย่างไรก็ตามมองว่ายังมีโอกาสสำหรับบริษัทขนาดเล็กของไทยในการเติบโตในตลาดนี้หากได้รับการสนับสนุน โดยต้องอาศัยภาครัฐในการออกกฎระเบียบและให้การอุดหนุน ส่วนภาควิชาการก็สนับสนุนผ่านการวิจัยและพัฒนา ภาคเอกชนสามารถช่วยได้ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ในภาคประชาชน สุดท้ายกับนางสาวอมินตา เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้แทนเยาวชนแห่งประเทศไทยที่เข้าร่วมงาน Youth4Climate ที่ประเทศอิตาลี ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งได้แบ่งปันแนวคิดในการให้การศึกษาและความเข้าใจแก่เยาวชนด้อยโอกาสในประเด็นความยั่งยืน โดยหลังจากนั้นได้ก่อตั้งโครงการจิตอาสาพี่สอนน้อง (Youth Mentorship Project) เพื่อลดช่องว่างทางสังคม พร้อมปลุกพลังและสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ในช่วงสุดท้ายของงานซึ่งใช้ชื่อว่า “The Transformers” ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทและองค์กรที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จมาร่วมบรรยาย เริ่มด้วย มร. คาซีม ข่าน ผู้จัดการทั่วไป เชลล์เอเชีย-แปซิฟิค Nature-based Solutions ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ของเชลล์ด้วยการพึ่งพิงธรรมชาติและระบบนิเวศ เพื่อให้ธรรมชาติช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ป้องกันการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศโดยรอบ โดยประเทศไทยมีพื้นที่ธรรมชาติที่ช่วยกักเก็บคาร์บอนได้และอาจพัฒนาได้จากการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน (Blue Carbon) การควบคุมการเผาป่า และเกษตรกรรมที่มีการจัดการมากขึ้นหรือใช้ระบบวนเกษตร นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ได้พูดถึงเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยที่ได้เสนอไว้กับประชาคมโลกว่าจะลดลง 40% ในปีพ.ศ. 2573 และจะเข้าสู่สังคมเป็นกลางทางคาร์บอนในปี พ.ศ. 2593 โดยที่มีเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 ทั้งนี้ได้มีการอธิบายภาพจำลองของสถานการณ์ฯ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายในแต่ละช่วง สำหรับประเทศไทยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ (Voluntary Carbon Market) โดยปัจจุบันมีโครงการที่จดทะเบียนเข้าร่วมแล้วกว่า 100 โครงการ องค์กรฯ มีเป้าหมายยกระดับมาตรฐานโครงการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และ ขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในระดับอาเซียน  ขณะเดียวกันเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมีความเป็นกลางทางคาร์บอนได้สำเร็จ จึงได้จัดตั้งเครือข่าย Carbon Neutral Network ขึ้นซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 256 องค์กรเข้าร่วมเป็นสมาชิก ผ่านความร่วมมือของ Climate Action Leading Organizations และ Climate Action Innovator โดยการจับมือแลกเปลี่ยนซื้อขายคาร์บอนเครดิตผ่าน Thailand Carbon Credit Exchange เนื่องจากต้นทุนในการลดก๊าซเรือนกระจกของแต่ละมาตรการไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดราคาเพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ทางองค์กรฯ ยังมีแผนยกระดับโครงการ Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER เพื่อร่วมขับเคลื่อนตลาดคาร์บอนในไทยให้บรรลุเป้าหมายไปด้วยกัน และมร.แอนดรูว์ โฮวาร์ด ผู้อำนวยการอาวุโสด้านนโยบายและกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ จากเวอร์ร่า (Verra) ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไรในประเทศอเมริกา ได้ร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิตและตลาดคาร์บอนในเวทีโลก พร้อมให้คำแนะนำว่าการจัดตั้งตลาดคาร์บอนควรทำร่วมกับหน่วยงานที่ได้มาตรฐาน โดยภาครัฐควรเริ่มจากการตั้งเป้าในการลดการปล่อยคาร์บอนและวิธีการที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายในประเทศก่อน หลังจากนั้นจึงให้ความช่วยเหลือกับโครงการอื่นๆ

เชลล์ประเทศไทย ได้เริ่มจัดงาน Shell Forum ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่างองค์กรจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคสังคม โดยมุ่งหวังให้เป็นเวทีพูดคุยและสร้างแนวร่วมปฏิบัติ เพื่อกระตุ้นให้คนในสังคมตระหนักถึงผลกระทบของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาชน พร้อมเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนมาร่วมมือกันสนับสนุนให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

นายปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด, นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และผู้นำทางธุรกิจชั้นนำของไทยที่ให้เกียรติร่วมงานสัมมนา Shell Forum 2022
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ Thailand’s Climate Commitment and Decarbonization Journey
ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ Thailand’s Decarbonization Policy in the Energy Sector
นายปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด
การเสวนาในหัวข้อ “All Roads Lead to Decarbonization” โดย ดร.เจน ชาญณรงค์ ประธานชมรมผู้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล, นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน), รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) และนางสาวอมินตา เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้แทนเยาวชนแห่งประเทศไทยที่เข้าร่วมงาน Youth4Climate ที่ประเทศอิตาลี
การบรรยายในช่วง “The Transformers” โดย มร. คาซีม ข่าน ผู้จัดการทั่วไป เชลล์เอเชีย-แปซิฟิค Nature-based Solutions, นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และมร.แอนดรูว์ โฮวาร์ด ผู้อำนวยการอาวุโสด้านนโยบายและกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ จากเวอร์ร่า (Verra)
บรรยากาศภายในงานสัมมนา Shell Forum 2022

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่