วันศุกร์, มีนาคม 7, 2025
spot_img
หน้าแรกAuto News‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ เปิดตัวพร้อมแนวคิด “CONFIDENCE MADE TO LAST” ชูจุดเด่นให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยมยาวนาน พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ เปิดตัวพร้อมแนวคิด “CONFIDENCE MADE TO LAST” ชูจุดเด่นให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยมยาวนาน พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


-

  • คุณสมบัติเด่น: ประสบการณ์ขับขี่ที่นุ่มสบายเหนือระดับ, อายุใช้งานที่ดีเยี่ยมยาวนาน, ปลอดภัยยาวนานเหนือกว่า และรองรับการใช้งานร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้า
  • เหมาะสำหรับรถยนต์แบบดั้งเดิมและรถยนต์ไฟฟ้า พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยรองรับสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การพัฒนายางรุ่นนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ความยั่งยืนทุกด้าน” (All Sustainable) ของมิชลินโดยไม่เพียงให้สมรรถนะเพิ่มขึ้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลดลงถึง 6%(1) 

ล่าสุด ‘มิชลิน’ ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียางล้อระดับโลก ได้วางตลาด ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ (MICHELIN Primacy 5) ยางสำหรับรถยนต์นั่งและรถครอสโอเวอร์ทุกประเภทเครื่องยนต์ ภายใต้แนวคิด “ปลอดภัย มั่นใจในสมรรถนะที่ดีเยี่ยมรอบด้าน แม้เวลาเปลี่ยน” (Confidence Made To Last)  ยางรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาให้มีคุณสมบัติเหนือกว่ายางรุ่นก่อนหน้าอย่าง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ โดยมาพร้อมนวัตกรรมล้ำหน้าที่ช่วยให้ยางมีสมรรถนะเพิ่มขึ้น แต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง

นายสรพงษ์ จันทร์นฤกุล, ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C, บริษัท สยามมิชลิน จำกัด เปิดเผยว่า “ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 5พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับศักยภาพที่เปลี่ยนแปลงไปของยานยนต์รุ่นใหม่และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รถยนต์รุ่นใหม่โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้ามีน้ำหนักมากขึ้นและแรงม้าสูงขึ้น จึงต้องใช้ยางล้อที่มีสมรรถนะสูงขึ้นตามไปด้วย  โครงสร้างยางล้อจึงต้องมีประสิทธิภาพที่จะรองรับความต้องการเหล่านี้ได้  ความทนทานต่อการสึกหรอและแรงต้านทานการหมุนของยางล้อที่ดีขึ้นไม่เพียงส่งผลให้ลูกค้ามีต้นทุนในการใช้งานต่ำลง แต่ยังช่วยให้ยางมีสมรรถนะในการยึดเกาะถนนเปียกที่ดียาวนาน จึงให้ความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวนานเหนือกว่า  สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย จุดเด่นเหล่านี้ไม่เพียงยกระดับประสบการณ์การขับขี่ แต่ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ทำให้มิชลิน ไพรมาซี่ 5เป็นยางที่เลือกใช้งานเพื่อการขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

จุดเด่นสำคัญของยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ ได้แก่ ▪ ประสบการณ์ขับขี่ที่นุ่มสบายเหนือระดับ ด้วยดีไซน์ดอกยางแบบใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Michelin Silent Rib Gen-3 ซึ่งช่วยลดการสั่นสะเทือน จึงช่วยลดเสียงรบกวนลงและให้การขับขี่ที่นุ่มเงียบสบาย(2) สัมผัสได้ถึงความรู้สึกผ่อนคลายตลอดการเดินทาง ▪ อายุใช้งานที่ดีเยี่ยมยาวนาน โดยมีอายุใช้งานเฉลี่ยยาวนานกว่ายางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่นๆ ถึง 24%(3) ด้วยลายดอกยางสำหรับถนนเปียกที่ให้อายุใช้งานยาวนาน, ร่องรีดน้ำบริเวณไหล่ยาง (Lateral Groove Edges) ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเทคโนโลยี MaxTouch ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสระหว่างยางล้อกับผิวถนน และกระจายแรงกดอย่างสม่ำเสมอตลอดหน้ายางขณะเร่งความเร็ว เบรก และเข้าโค้ง ส่งผลให้หน้ายางมีอายุใช้งานนานขึ้นโดยยังคงให้ความปลอดภัยขณะขับขี่ดังเดิม ผู้ขับขี่จึงเพลิดเพลินกับการเดินทางและกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้ยาวนานยิ่งขึ้น…ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง

ให้ความปลอดภัยบนถนนเปียกยาวนานกว่า โดยมีระยะเบรกสั้นกว่ายางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่นๆ ถึง 8% (ยางใหม่) และ 13% (ยางใกล้หมดดอก)(4) ด้วยเนื้อยางสูตรพิเศษ Functional Elastomers 3.0 ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยี MICHELIN EverGrip และ MICHELIN EverTread ที่ช่วยให้การรีดน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้สมรรถนะการเบรกบนถนนเปียกที่เป็นเยี่ยม เพิ่มความอุ่นใจและปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารในทุกการเดินทาง และ ▪ รองรับการใช้งานร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยสูตรเนื้อยางสมรรถนะสูงบริเวณหน้ายางที่ช่วยลดแรงต้านทานการหมุนของยางล้อลงถึง 13%(5) จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและยืดระยะใช้งานต่อรอบการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

นอกจากยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ จะให้สมรรถนะ ความปลอดภัย และความนุ่มเงียบสบายที่เหนือกว่าแล้ว ยังเคารพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “ความยั่งยืนทุกด้าน” (All Sustainable) ของกลุ่มมิชลิน โดยแรงต้านทานการหมุนของยางล้อ(6) มีประสิทธิภาพดีขึ้น 5% ขณะที่อายุการใช้งาน(7) ยาวนานขึ้น 18%  อีกทั้งการออกแบบโดยรวมยังช่วยให้ยางรุ่นนี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลดลงถึง 6%(1)

Autodesk VRED Professional 2024.2

ปัจจุบันมิชลิน ไพรมาซี่ 5มีวางจำหน่ายแล้ว ร้านตัวแทนจำหน่ายยางอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ โดยมีให้เลือกรวมทั้งสิ้น 46 ขนาด ตั้งแต่ขอบ 16 ถึง 20 นิ้ว  โดยยางขนาด 18 นิ้วขึ้นไป (21 รายการ) มาพร้อมแก้มยางกำมะหยี่ดีไซน์แบบเต็มวง  คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th 

  1. (1)ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม & อนุภาคจากการสึกของยางล้อและถนน เมื่อเทียบกับยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4+’  แหล่งที่มา: การทดสอบภายในองค์กร
  2. (2)ความนุ่มเงียบและความสบาย: การทดสอบจัดทำโดย TUV Rheinland Thailand ตามคำขอของมิชลิน ศูนย์ทดสอบยานยนต์และ
        
    ยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center: ATTRIC) จังหวัดฉะเชิงเทรา ประเทศไทย เมื่อเดือน
        
    พฤศจิกายน 2567 โดยติดตั้งยางขนาด 225/50R17 กับรถยนต์ Honda Accord e:HEV Y2022  เพื่อเปรียบเทียบยางมิชลิน ไพรมาซี่ 5’ (ยางใหม่)
        
    กับยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4’ และยางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่น (ประสิทธิภาพเรื่องความนุ่มเงียบและความสบายเป็นผลจากเทคโนโลยี
        
    ลดเสียงรบกวน Michelin Silent Rib Gen-3)
  3. (3)อายุใช้งานยาวนาน: การทดสอบจัดทำโดย DEKRA TEST CENTER ตามคำขอของมิชลิน ศูนย์ทดสอบ DEKRA Test Center ประเทศฝรั่งเศส
        
    เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567  โดยติดตั้งยางขนาด 205/55R16 กับรถ Golf VIII 5 ประตู ผลการทดสอบพบว่ายางมิชลิน ไพรมาซี่ 5’ มีอายุใช้งานเฉลี่ย
        
    ยาวนานกว่ายางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่น ถึง 24%
  4. (4)สมรรถนะการเบรกบนถนนเปียกของยางใหม่และยางใกล้หมดดอก: การทดสอบจัดทำโดย TUV Rheinland Thailand ตามคำขอของมิชลิน
        
    ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center: ATTRIC) จังหวัดฉะเชิงเทรา
        
    ประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยติดตั้งยางขนาด 225/50R17 กับรถยนต์ Honda Accord e:HEV Y2022 ที่ขับขี่ด้วยความเร็ว 0-80
        
    กิโลเมตร/ชั่วโมง ผลการทดสอบพบว่ายางมิชลิน ไพรมาซี่ 5’ มีระยะเบรกสั้นกว่ายางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่น ถึง 8% (ยางใหม่) และ 13%
         (
    ยางใกล้หมดดอก)  ยางใกล้หมดดอกในที่นี้หมายถึงยางที่มีความลึกร่องดอกยางเหลือ 2.0 มิลลิเมตร ซึ่งความลึกนี้เกิดจากการทำให้สึกด้วย
        
    เครื่องจักร
  5. (5)ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง: การทดสอบแรงต้านทานการหมุนของยางล้อจัดทำด้วยเครื่องจักรโดยสถาบันยานยนต์ ตามคำขอของมิชลิน
        
    ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center: ATTRIC) จังหวัดฉะเชิงเทรา
        
    ประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567  โดยใช้ยางขนาด 255/50R17  ผลทดสอบพบว่ามิชลิน ไพรมาซี่ 5’ มีแรงต้านทานการหมุนของยางล้อ
        
    ดีกว่ายางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่น ถึง 13%
  6. (6)ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง: การทดสอบแรงต้านทานการหมุนของยางล้อจัดทำด้วยเครื่องจักร โดย TÜV SÜD Product Service ตามคำขอของ
        
    มิชลิน เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 โดยใช้ยางขนาด 205/55 R16 91V เปรียบเทียบระหว่างยางมิชลิน ไพรมาซี่ 5’ (100%) กับยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4+’
         (94.7%)
  7. (7)อายุใช้งานยาวนาน: การทดสอบจัดทำโดย DEKRA TEST CENTER ตามคำขอของมิชลิน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567  โดยติดตั้งยางขนาด 235/45
         R18 98W&Y
    กับรถ Tesla Model 3 เปรียบเทียบระหว่างยางมิชลิน ไพรมาซี่ 5’ (100%) กับยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4+’ (82%)
- Advertisment -

Must Read