วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 12, 2024
spot_img
หน้าแรกAuto News‘มิชลิน’ และ ‘เบรมโบ้’ ตกลงร่วมพัฒนานวัตกรรม
เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่

‘มิชลิน’ และ ‘เบรมโบ้’ ตกลงร่วมพัฒนานวัตกรรม
เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่

-

  • มิชลิน และ เบรมโบ้ (Brembo) ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระดับโลก เพื่อผสานโซลูชั่นอัจฉริยะ (Intelligent Solutions) ของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายยกระดับขั้นตอนชุดคำสั่ง หรือ “อัลกอริทึม” (Algorithms) ตลอดจนความรู้ความชำนาญและความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับระบบเบรกและยางรถยนต์
  • ผลทดสอบเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า สามารถลดระยะเบรกลงได้สูงสุดถึง 4 เมตร (ประมาณ 13 ฟุต)* ในทุกระดับการสึกหรอของยางและทุกสภาพพื้นผิวถนน
  • นวัตกรรมที่ร่วมพัฒนาขึ้นมุ่งตอบโจทย์ผู้ผลิตยานยนต์และเอื้อประโยชน์ต่อผู้บริโภค

เมื่อเร็ว นี้  มิชลิน ผู้นำในอุตสาหกรรมยางรถยนต์และผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมวัสดุคอมโพสิต ร่วมกับ เบรมโบ้ (Brembo) ผู้นำระดับโลกด้านการออกแบบ พัฒนา และผลิตสินค้าและโซลูชั่นด้านระบบเบรก ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระดับโลกเพื่อพัฒนาต่อยอดโซลูชั่นอัจฉริยะ (Intelligent Solutions) ของทั้งสองฝ่ายให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ โดยมุ่งยกระดับสมรรถนะยานยนต์ ตลอดจนนำเสนอมาตรฐานความปลอดภัยและความสะดวกสบายขั้นสูงสุดให้กับผู้ขับขี่

ภายใต้ข้อตกลงร่วมพันธมิตรดังกล่าว มิชลิน และ เบรมโบ้ จะหลอมรวมความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่ายเข้าด้วยกัน ได้แก่ ความเป็นเลิศด้านระบบเบรก การจำลองแบบยานยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ของเบรมโบ้ และความเป็นผู้นำด้านการจำลองแบบยางล้อและการพัฒนาขั้นตอนชุดคำสั่ง หรืออัลกอริทึม” (Algorithm) ของมิชลิน

ทั้งนี้ นวัตกรรมที่พัฒนาร่วมกันตั้งอยู่บนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างต่อเนื่องแบบนาทีต่อนาที (Real Time) ระหว่างซอฟท์แวร์โซลูชั่นบนเครือข่ายเชื่อมต่อ (Connected Solutions Software) ของมิชลินที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการยึดเกาะพื้นถนนของยาง ไปยังนวัตกรรมระบบเบรก SENSIFY® ของเบรมโบ้  ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับยางที่ได้รับช่วยให้ทีมวิศวกรสามารถปรับแต่งระบบเบรกได้แม่นยำเป็นพิเศษ ส่งผลให้คุณสมบัติการทำงานของระบบเบรก SENSIFY® มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

โซลูชั่นบนเครือข่ายเชื่อมต่อที่ติดตั้งมากับยางมิชลินพัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญของกลุ่มมิชลินในด้านการสร้างแบบจำลองกายภาพของยางล้อและการจำลองการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ (Tire Physics Modelling and Simulation) โดยมิชลินได้นำความรู้ความชำนาญในการวิเคราะห์ข้อมูลยานยนต์แบบทันทีทันใด (Live Vehicle Data Analysis) มาใช้พัฒนาซอฟท์แวร์หลากรูปแบบที่สามารถส่งข้อมูลแบบนาทีต่อนาทีให้กับรถยนต์ อาทิ ข้อมูลการสึกหรอ (Michelin SmartWear), ข้อมูลน้ำหนักบรรทุก (Michelin SmartLoad) และข้อมูลการยึดเกาะพื้นถนน (Michelin SmartGrip) โดยซอฟท์แวร์ของมิชลินสามารถทำงานร่วมกับยางรถยนต์ทุกแบรนด์ได้

ระบบเบรก SENSIFY® ของเบรมโบ้ ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของระบบเบรกซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อยานยนต์รุ่นใหม่ที่ทันสมัย  ระบบเบรกรุ่นนี้มีทั้งความยืดหยุ่น ความสามารถในการรองรับยานยนต์หลากขนาด และศักยภาพในการปรับเปลี่ยนดัดแปลงให้เหมาะสม จึงใช้งานร่วมกับยานยนต์ทุกรุ่นได้ง่าย  นอกจากนี้ ระบบเบรก SENSIFY® ยังผสานชิ้นส่วนระบบเบรกซึ่งได้รับการยอมรับระดับโลกของเบรมโบ้ เข้ากับสมองดิจิทัล (Digital Brain) ที่ช่วยยกระดับปัญญาประดิษฐ์ (AI), ขั้นตอนชุดคำสั่ง (Algorithm) และระบบเซ็นเซอร์ ให้สามารถควบคุมยางล้อแต่ละเส้นได้อย่างอิสระ ส่งผลให้ระบบเบรกดังกล่าวเป็นหนึ่งในระบบเบรกที่ทันสมัยที่สุดซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับและความปลอดภัยที่ดียิ่งกว่า

การทดสอบเบื้องต้นทั้งที่จัดทำในโลกเสมือนและบนสนามทดสอบจริงให้ผลที่น่าพอใจ โดยระยะแรกของการทดสอบเป็นการนำยางล้อรุ่นต่าง และขั้นตอนชุดคำสั่งของมิชลินมาบูรณาการเข้ากับการจำลองแบบยานยนต์และระบบเบรกอัจฉริยะของเบรมโบ้ในสภาพแวดล้อมเสมือนอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนในระยะที่สองเป็นการทดสอบทางกายภาพบนสนามทดสอบจริง ศูนย์วิจัยของมิชลิน ซึ่งผลการทดสอบยืนยันผลลัพธ์ที่ได้จากการจำลองแบบด้วยคอมพิวเตอร์

ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าระยะเบรกลดลงสูงสุดถึง 4 เมตร (ราว 13 ฟุต)* ขณะที่ระบบเบรก ABS ทำงาน โดยการทดสอบใช้ยางรุ่นเดียวกันในสภาพการขับขี่หลากรูปแบบ ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าประทับใจมากเพราะระยะ 4 เมตรนั้นใกล้เคียงกับความยาวเฉลี่ยของรถหนึ่งคันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ระบบเบรกยังตอบสนองได้เร็วขึ้น ลดอาการล้อหมุนฟรี เพิ่มเสถียรภาพทางด้านข้าง และไม่มีอาการล้อล็อก ปัจจัยเหล่านี้ส่งเสริมให้เกิดประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นและสะดวกสบายมากขึ้น 

แซร์จ ลาฟง (Serge Lafon) ประธานสายงานธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์อะไหล่แท้สำหรับยานยนต์ของมิชลิน กล่าวว่าเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ผนึกกำลังกับเบรมโบ้ ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมระบบเบรก ความหลงใหลในเรื่องนวัตกรรมและความเป็นเลิศที่มีร่วมกันจะผลักดันให้มิชลินและเบรมโบ้สามารถมอบความปลอดภัยที่เหนือกว่าอีกระดับให้กับผู้ใช้งาน สำหรับมิชลินเป้าหมายหลักของเราคือการช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานยางได้นานเท่าที่จะเป็นไปได้โดยไม่ต้องกังวล ซึ่งนั่นเท่ากับช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจและปกป้องสิ่งแวดล้อม ปัจจุบัน มิชลินเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยการพัฒนาซอฟท์แวร์และระบบจำลองการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามการทำงานของยางแบบนาทีต่อนาที การร่วมมือกับเบรมโบ้จะนำไปสู่การสร้างสรรค์โซลูชั่นใหม่ที่แตกต่างสำหรับยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งทุกวันนี้บรรดาค่ายผู้ผลิตรถยนต์ได้พัฒนาขึ้นแล้ว

แดเนียล สกิลลาชี (Daniele Schillaci) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเบรมโบ้ กล่าวเสริมว่าสำหรับเบรมโบ้ เราเชื่อมั่นในพลังของเทคโนโลยีและ AI เราเป็นองค์กรที่ผสานศักยภาพของซอฟท์แวร์เข้ากับความเชี่ยวชาญและความรู้ความชำนาญเฉพาะตัวในด้านชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทชุดก้ามเบรก หรือคาลิเปอร์’ (Calipers) ตลอดจนวัสดุที่ใช้ในการผลิตเนื้อผ้าเบรกและจานดิสก์เบรก ระบบเบรก SENSIFY® ถือเป็นมาตรฐานใหม่ในการเบรกที่มุ่งตอบสนองวิสัยทัศน์เรื่องการลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนให้เป็นศูนย์ (Zero Accident Vision) ความร่วมมือกับมิชลินครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมยานยนต์

 

* การทดสอบระบบเบรกจัดทำขึ้นบนสนามทดสอบ ศูนย์วิจัยและพัฒนาของมิชลิน ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองลาดูซ์ (Ladoux) ประเทศฝรั่งเศส เป็นเวลามากกว่า 17 วัน ระหว่างวันที่ 30 กันยายน ถึง 29 ตุลาคม 2567 โดยใช้รถยนต์รุ่นและประเภทเดียวกัน 2 คันในการทดสอบ คันหนึ่งติดตั้งระบบเบรก SENSIFY® ของเบรมโบ้ และเทคโนโลยีจาก Michelin Solutions ขณะที่อีกคันใช้ระบบเบรก ABS ตามมาตรฐาน

ข้อกำหนดการทดสอบมาตรฐานครอบคลุมการทดสอบซ้ำหลายครั้งบนสนามทดสอบทั้งแห้งและเปียก (ควบคุมระดับน้ำอยู่ที่ 0.8 มิลลิเมตร) โดยใช้ยางหลากหลายสภาพ ได้แก่ ยางใหม่, ยางใกล้หมดดอก (ความลึกดอกยางเหลือ 2 มิลลิเมตร), ยางที่มีระดับแรงดันลมยางตามที่กำหนด และยางที่มีระดับแรงดันลมยางต่ำกว่ากำหนด ยางที่นำมาใช้ในการทดสอบคือยาง มิชลิน ไพลอต สปอร์ต’ (MICHELIN Pilot Sport) และยาง มิชลิน ไพลอต อัลพิน’ (MICHELIN Pilot Alpin) โดยขับทดสอบที่ความเร็วระดับต่าง   ได้แก่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  แม้ว่าการทดสอบระบบเบรกและเทคโนโลยีจาก Michelin Solutions จะจัดทำโดยใช้ยางมิชลินเท่านั้น แต่โซลูชั่นดังกล่าวสามารถใช้กับยางแบรนด์อื่นได้เช่นกัน 

- Advertisment -

Must Read