ตลาดรถยนต์พฤศจิกายนเริ่มมีสัญญาณบวก ยอดขายรวม 71,716 คัน หดตัวลดลง 9.4%

0
837

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564 ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องในทุกเซ็กเมนท์ โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 71,716 คัน แต่มีอัตราการหดตัวที่ลดลงเพียง 9.4% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 23,793 คัน ลดลง 6.5% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 47,923 คัน ลดลง 10.8% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 38,550 คัน ลดลง 9.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ประเด็นสำคัญ

    ตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายน 2564 มีปริมาณการขาย 71,716 คัน ลดลง 9.4% โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 6.5% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังคงเกิดขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลกระทบและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ตลอดจนการดำเนินธุรกิจ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการท่องเที่ยว และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้บริโภคยังคงชะลอการตัดสินใจซื้อ และรัดกุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรอจังหวะการใช้จ่ายที่เหมาะสม

    ตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคมมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการประกอบธุรกิจต่างๆ และประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับในสภาวะปกติ ทั้งนี้ยังเป็นการลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว โดยสถานการณ์ตลาดรถยนต์จะขยับตัวดีขึ้น สืบเนื่องจากทุกค่ายรถยนต์ต่างแข่งขันกันนำเสนอแคมเปญส่งเสริมการขายในช่วงสิ้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากถึง 1,151,540 คน และยอดจองรถยนต์ในงานมากถึง 31,583 คัน ไม่นับรวมยอดจองรถยนต์ตามโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทุกยี่ห้อทั่วประเทศ ภายใต้ข้อเสนอพิเศษ “เงื่อนไขเดียวกับมอเตอร์โชว์” เป็นตัวกระตุ้นการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของลูกค้าได้อย่างสัมฤทธิ์ผล แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย เป็นปัจจัยลบต่อสถานการณ์ตลาดรถยนต์และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ต้องจับตามองต่อไป

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤศจิกายน 2564

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 71,716 คัน ลดลง 4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 โตโยต้า      23,168 คัน      ลดลง        18.1%         ส่วนแบ่งตลาด 32.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           18,419 คัน      เพิ่มขึ้น       4.8%         ส่วนแบ่งตลาด 25.7%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      8,624 คัน       ลดลง         3.2%       ส่วนแบ่งตลาด 12.0%

  1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 23,793 คัน ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 ฮอนด้า      8,062 คัน       เพิ่มขึ้น        9.3%         ส่วนแบ่งตลาด 33.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      6,304 คัน       ลดลง        15.0%         ส่วนแบ่งตลาด 26.5%

อันดับที่ 3 ซูซูกิ           2,242 คัน       เพิ่มขึ้น       1.8%          ส่วนแบ่งตลาด  9.4%

  1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 47,923 คัน ลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ          18,419 คัน      เพิ่มขึ้น       4.8%        ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า      16,864 คัน      ลดลง       19.2%        ส่วนแบ่งตลาด 35.2%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        2,859 คัน       ลดลง       13.5%        ส่วนแบ่งตลาด  6.0%

  1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 38,550 คัน ลดลง 9.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ           16,956 คัน     เพิ่มขึ้น     2.3%           ส่วนแบ่งตลาด 44.0%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      14,888 คัน     ลดลง     14.0%           ส่วนแบ่งตลาด 38.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        2,859 คัน       ลดลง     13.5%           ส่วนแบ่งตลาด  7.4%

  *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,410 คัน

โตโยต้า 2,338 คัน – อีซูซุ 1,734 คัน – มิตซูบิชิ 651 คัน – ฟอร์ด 482 คัน – นิสสัน 205 คัน

  1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 33,140 คัน ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ          15,222 คัน      ลดลง        1.6%        ส่วนแบ่งตลาด 45.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      12,550 คัน     ลดลง       13.7%        ส่วนแบ่งตลาด 37.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         2,377 คัน      ลดลง       16.3%        ส่วนแบ่งตลาด  7.2%              

 

  • สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2564
  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 668,109 คัน ลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 โตโยต้า      212,573 คัน     เพิ่มขึ้น        0.7%       ส่วนแบ่งตลาด 31.8%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          165,359 คัน     เพิ่มขึ้น        4.5%       ส่วนแบ่งตลาด  24.8%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      77,136 คัน     ลดลง          7.0%      ส่วนแบ่งตลาด 11.5%

  1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 219,883 คัน ลดลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 ฮอนด้า       68,123 คัน     ลดลง        1.3%        ส่วนแบ่งตลาด 31.0%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      55,056 คัน     ลดลง        7.2%        ส่วนแบ่งตลาด 25.0%

อันดับที่ 3 มาสด้า       18,603 คัน     ลดลง       12.9%        ส่วนแบ่งตลาด  8.5%

  1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 448,226 คัน ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ          157,517 คัน     เพิ่มขึ้น       3.8%        ส่วนแบ่งตลาด 35.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      165,359 คัน     เพิ่มขึ้น       4.5%        ส่วนแบ่งตลาด 36.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          28,212 คัน     เพิ่มขึ้น     11.7%        ส่วนแบ่งตลาด  6.3%

  1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 350,691 คัน ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว                           

อันดับที่ 1 อีซูซุ           150,272 คัน     เพิ่มขึ้น        2.3%       ส่วนแบ่งตลาด 42.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า   134,768 คัน     เพิ่มขึ้น        4.1%       ส่วนแบ่งตลาด 38.4%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         28,212 คัน     เพิ่มขึ้น      11.7%       ส่วนแบ่งตลาด  8.0%

 *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 45,744 คัน

โตโยต้า 20,403 คัน – อีซูซุ 14,449 คัน – มิตซูบิชิ 5,747 คัน – ฟอร์ด 4,318 คัน – นิสสัน 827 คัน

  1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 304,947 คัน ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ           135,823 คัน     ลดลง          4.1%      ส่วนแบ่งตลาด 44.5%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      114,365 คัน     เพิ่มขึ้น        1.7%       ส่วนแบ่งตลาด 37.5%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          23,894 คัน     เพิ่มขึ้น      15.0%       ส่วนแบ่งตลาด  7.8%    

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่